ชื่อ นางสาว วราพร โผยเขียว
ชั้น ม.6/1 เลขที่ 27
ชื่อเล่น แหม่ม
ดอกไม้ที่ชอบ ดอกกุหลาบ
อาหารที่ชอบ ผัดกระเพรา
อนาคตที่ใฝ่ฝัน ครู
คติประจำใจ อย่าหยุดฝันถ้ายังไปไม่ถึง
Scenical World เขาใหญ่
http://www.scenicalworld.com/
น้ำพริก
http://cooking.kapook.com/view135519.html
เกาะช้าง
ไม่ว่าจะฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูไหนๆ น้ำทะเลสวยๆ หาดทรายขาวละเอียดของ"อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง" หรือที่ใครๆ เรียกกันจนติดปากว่า เกาะช้าง ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนจะฮอตฮิตติดลมบนอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ใครนึกอยากจะไปพักผ่อนคลายเครียดคิดถึง เนื่องจาก เกาะช้าง สามารถไปเที่ยวตลอดทั้งปี เพราะความสวยงามของแต่ละฤดูใน เกาะช้าง จะแตกต่างกันออกไป
เกาะช้าง มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต แถมยังมีเกาะเล็ก เกาะใหญ่ มากกว่า 52 เกาะ ให้เลือกสรรว่าจะไปนอนกินลมชมวิวสวยๆ ที่ไหน อีกทั้งบนเกาะช้างยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำแบบไม่มีเหงา แต่เดิมเกาะช้างไม่มีชุมชนตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย หากมีความสำคัญในฐานะที่เป็นท่าจอดเรือหลบลมมรสุม เป็นแหล่งเสบียงอาหาร และน้ำจืดโดยเฉพาะบริเวณอ่าวสลักเพชร หรืออ่าวสลัด เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่โจรสลัด ชาวจีนไหหลำ และญวน ปัจจุบันบนเกาะช้างมีประชาชนอาศัยอยู่ 8 หมู่บ้าน และมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 650 ตารางกิโลเมตร เฉพาะ เกาะช้าง มีเนื้อที่ถึง 268,125 ไร่ หรือประมาณ 429 ตารางกิโลเมตร
สภาพโดยรวมบน เกาะช้าง นั้น มีพื้นที่กลางเกาะเป็นภูเขา และป่าดิบชื้น มีที่ราบอยู่ตามขอบเกาะก่อนถึงชายหาดของอ่าวต่างๆ ที่ราบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยางพารา และสวนผลไม้อื่นๆ เช่น เงาะ ทุเรียน ส้มโอ ฯลฯ ตลอดจนเปิดเป็นที่พักของนักท่องเที่ยว แต่ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ของ เกาะช้าง เป็นภูเขาสูง มีหินผาสลับซับซ้อน มีสภาพสมบูรณ์ เป็นป่าดงดิบเขา ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่ ยอดเขาสลักเพชร สูงถึง 744 เมตร (โห... สูงมากๆ เลยอ่ะ) รองลงมา ได้แก่ เขาจอมปราสาท และเขาหอม ซึ่งภูเขาเหล่านี้ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ ที่ทำให้เกิดน้ำตกหลายแห่งบน เกาะช้าง นั่นเอง
เกาะช้าง
เกาะช้าง
เกาะช้าง
เกาะช้าง
หาดทรายขาว
ชายหาดที่แสนจะยาว แถมยังขาวสะอาดสมชื่อ อยู่ทางตอนใต้ของ เกาะช้าง ใกล้กับอ่าวสลักเพชร มีลักษณะเป็นอ่าวที่มีหาดทรายทอดยาว นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ตลอดทั้งแนว หรือจะเช่ารถจักรยาน มอร์เตอร์ไซด์ ขี่เล่นก็ไม่ว่ากัน เพราะที่นี่มีถนนราดยางอย่างดี ขนานยาวไปกับชายหาด เชื่อมถึงหาดอื่นๆ มีบังกะโลตั้งอยู่หลายแห่ง มีถนนรอบเกาะตัดชิดหาดมากที่สุด ยามค่ำคืนปรากฏแสงสีของร้านอาหาร ผับ บาร์ พร้อม ที่พักเกาะช้าง ราคาประหยัดเพียบ !!
หาดคลองพร้าว
หาดคลองพร้าวอยู่ถัดจากหาดทรายขาว มีความยาวต่อเนื่องไปจนถึงหาดไก่แบ้ ตอนเหนือสุดของอ่าวคลองพร้าวติดกับแหลมไชยเชษฐ์ ซึ่งมีแหลมหิน มีทัศนียภาพสวยงาม แต่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ มีบังกะโลให้เช่าพักหลายแห่ง มีห้องพักที่ได้มาตรฐาน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
เป็นหาดที่ยาวและมีความลาดมาก สามารถทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาริมหาดได้ เพราะมีหน้าหาดที่กว้าง และสะอาด ทางตอนเหนือสุดของเกาะ เป็นที่ตั้งของแหลมไชยเชษฐ์ ซึ่งเป็นแหลมหินแปลกตา (เห็นแล้วชวนแปลกใจ) เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากหาดหนึ่งบน เกาะช้าง
อ่าวคลองสน
เป็นอ่าวขนาดใหญ่ อยู่ทางเหนือของ เกาะช้าง ฝั่งตะวันตก มีหาดทรายขาวละเอียด ชายหาดกว้างยาวดูสวยงามมากๆ เหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นที่ซู้ด... แถมมีความเป็นส่วนตัว ผู้คนไม่พลุกพล่านอีกด้วย และเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านคลองสน ใกล้บริเวณอ่าวมีแนวปะการังใต้น้ำ (แหะๆๆ ชักอยากไปแล้วสิ)
หาดไก่แบ้
หาดไก่แบ้ เป็นหาดที่ยาวต่อมาจากหาดคลองพร้าว นับว่าเป็นหาดยอดนิยมหาดหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มา เกาะช้าง เพราะสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย (สบายใจหายห่วง) มีบังกะโลราคาประหยัดให้เช่าหลายแห่ง บางแห่งมีจักรยานเสือภูเขาให้เช่า หน้าหาดมองเห็นเกาะหยวก เกาะมันนอกและเกาะมันใน
อ่าวใบลาน
อยู่ถัดขึ้นไปจากหาดไก่แบ้มีทางเท้าตัดผ่านภูเขาใช้เวลาเดินเท้าจากหาดไก่แบ้ประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทิวเขา อ่าวใบลานมีลักษณะเป็นหาดทรายยาวเงียบสงบเหมาะแก่การเล่นน้ำ และพักผ่อนมากๆ เพราะเงียบสงบ
เกาะช้าง
เกาะช้าง
หาดบางเบ้า - หมู่บ้านประมงบางเบ้า
หาดบางเบ้า เป็นหมู่บ้านประมงที่น่าสนใจ บ้านพักอาศัยปลูกโดยการปักเสาลงในทะเล มีสะพานเชื่อมติดต่อถึงกันตลอดแนว (โห... ชักอยากเห็นแล้วสิ) บรรพบุรุษของคนที่นี่ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายจากชาวสลักเพชร ดำรงชีวิตเรียบง่ายด้วยการทำประมงขนาดเล็กชายฝั่ง เป็นแหล่งปลาหมึกหอมชุกชุม นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นจุดที่อยู่ปลายเกาะช้าง มีแหล่งปะการังใต้น้ำ มีโปรแกรมแพ็คเก็จทัวร์ไปยังเกาะต่างๆ เช่น เกาะขาม เกาะหมาก เกาะรัง เกาะเหลายา ฯลฯ ให้เลือกมากมาย
นักท่องเที่ยวที่นิยมมาทานอาหารทะเลสดๆ ราคาถูกที่นี่ บริเวณหมู่บ้านตลอดสองข้างทางยังมีของที่ระลึกจากชาวบ้านวางเรียงราย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกช็อปเลือกชมกันอีกด้วย โดยเฉพาะกะปิ น้ำปลา กุ้งแห้ง ปลาเค็ม ของขึ้นชื่อ
น้ำตกธารมะยม
น้ำตกธารมะยม อยู่หลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.1 (ธารมะยม) ไปประมาณ 400 เมตร ปากทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ทำการหน่วยฯ ทางเดินเข้าเป็นทางปูน ผ่านสวนผลไม้ของชาวบ้าน เดินผ่านสวนเข้าไปประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มี 4 ชั้น ลักษณะเป็นธารน้ำไหลผ่านมาเป็นชั้นๆ ตามร่องหินแกรนิตสีดำ มีหน้าผาสูงชันจนเกือบตั้งฉากบริเวณโดยรอบเป็นป่าดงดิบ อากาศร่มเย็นสบาย เหมาะแก่การตั้งแคมป์และเล่นน้ำตก
ที่สำคัญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกนี้ โดยมีพระปรมาภิไธยย่อ จปร. และ วปร. สลักอยู่ที่หน้าผาน้ำตกชั้นบน นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังมีหมู่บ้านชาวประมงที่มีสภาพป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และเป็นป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดของเกาะช้าง คือ หมู่บ้านสลักคอก ซึ่งเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตดั้งเดิมที่น่าสนใจ
เกาะช้าง
เกาะช้าง
เกาะช้าง
เกาะช้าง
บ้านสลักคอก
บ้านสลักคอกตั้งอยู่ในพื้นที่ด้านตะวันออกของ เกาะช้าง ในเขตตำบลเกาะช้างใต้ เป็นหมู่บ้านชาวประมงชายฝั่งที่ยังคงสภาพวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้ อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะช้าง จำนวน 650 ไร่ ที่สำคัญเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จเยี่ยมและทรงประทับรอยพระบาท เพื่อสร้างพระอุโบสถพร้อมกับพระราชทานนามวัดสลักคอกว่า "วัดวัชคามคชทวีป"
บ้านสลักคอก ยังมีชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก โดยจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินมากมาย เช่น การพายเรือคายัคชมธรรมชาติอ่าวสลักคอก หรือจะนั่งเรือชมความสวยงามของอ่าวสลักคอก และที่เด็ดสุดคือ นั่งเรือชมบรรยากาศยามเย็น ยามค่ำคืนของอ่าวสลักคอก พร้อมรับประทานอาหารเย็นบนเรือ เรียกได้ว่าโรแมนติกสุดๆ
น้ำตกคลองพลู
น้ำตกคลองพลู หรือ น้ำตกเมฆภูผา อาจมาจากคำว่า คลองภู ซึ่งเป็นชื่อยอดเขา "ภูผาเมฆสวรรค์" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสถึง 2 ครั้ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ห่างจากชุมชนอ่าวพร้าวประมาณ 3 กิโลเมตร ทางเข้าอยู่ห่างจากอ่าวคลองพร้าว 3 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินป่าอีกประมาณ 20 นาที เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงามที่สุดของ เกาะช้างแบ่งออกเป็น 3 ชั้น มีน้ำตกไหลผ่านหน้าผาลงแอ่งเบื้องล่างตลอดทั้งปี
น้ำตกคลองนนทรี
น้ำตกคลองนนทรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ เกาะช้าง เป็นน้ำตกที่มีชั้นเล็กๆ คล้ายน้ำตกแม่กลาง มีทางเดินเท้าจากบ้านด่านใหม่เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร หรือจากที่ทำหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.1 (ธารมะยม) ไปเป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร
เกาะช้าง
อ่าวสลักเพชร - บ้านสลักเพชร
เป็นอ่าวใหญ่ที่สุดบน เกาะช้าง เป็นชุมชนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดบน เกาะช้าง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ชาวบ้านประกอบอาชีพทำการประมงชายฝั่ง มีเกาะช้างและทิวเขาโอบล้อมช่วยกำบังคลื่นลมได้ดี หน้าหมู่บ้านมีวัดเก่าแก่ คือ วัดสลักเพชร สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเกาะช้าง และอ่าวสลักเพชรเป็นอ่าวใหญ่ที่สุดบนเกาะ นอกจากนี้รอบๆ อ่าวสลักเพชรยังมี ที่พักเกาะช้าง ลักษณะแบบโฮมสเตย์ ของชุมชนสลักเพชรกระจายตัวอยู่หลายแห่ง ไว้บริการนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่ายตามแบบของชุมชนในราคาที่แตกต่างกันออกไป และร้านอาหารทะเลไว้บริการ
บ้านโรงถ่าน
เป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวสลักเพชร อยู่ทางตอนใต้ของ เกาะช้าง นักท่องเที่ยวนิยมไปชมทิวทัศน์กันที่นี่ เมื่อมองไปทางหรือจะเห็นยอดเขาสลักเพชรมีเมฆหมอกปกคลุม ทางตะวันออกจะเห็นเกาะมะพร้าวในและทิวเขาบริเวณแหลมใหญ่ หากเดินขึ้นเนินเขาไปสำนักสงฆ์อตุลาภรณ์บรรพตจะมองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวสลักเพชรทั้งหมด
น้ำตกคีรีเพชร
น้ำตกคีรีเพชร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นน้ำตกชั้นเดียว อยู่ลึกเข้าไปจากชุมชนบ้านสลักเพชร ก่อนถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.3 (สลักเพชร) ประมาณ 4 กิโลเมตรจะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกคีรีเพชรทางขวามือ ผ่านสวนยางพาราเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งน้ำตกมีความสูงมาก สามารถมองเห็นได้จากบางจุดของหมู่บ้านสลักเพชร ประชาชนในหมู่บ้านใช้น้ำจากน้ำตกนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค
บริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง
บริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง อยู่ทางตอนใต้ของ เกาะช้าง น่านน้ำทะเลตราดบริเวณอ่าวสลักเพชร อ่าวสลักคอก ยังเป็นอีกหน้าหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 กองทัพเรือไทยสามารถขับไล่ผู้รุกรานให้ล่าถอยไปได้ หากไทยต้องสูญเสียกองเรือ และทหารกล้าไปจำนวนหนึ่ง วีรกรรมทหารเรือไทยได้รับการจดจารึก และรำลึกถึงวันที่ 17 มกราคมของทุกปี ณ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่ เกาะช้าง อำเภอแหลมงอบ
เกาะช้าง
สำหรับเรื่อง ที่พักเกาะช้าง นั้น ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท บังกะโล หรือจะเป็นบ้านพักแบบธรรมดาๆ ราคาประหยัด พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย สามารถสอบถามรายละเอียด ที่พักเกาะช้าง เพิ่มเติมได้ที่ งานบริการบ้านพัก เกาะช้าง
ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2561-2919-21 หรือติดต่อที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง บ้านหินตาบ๋อย ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด 23120 โทรศัพท์ 0-3953-8100
ค่าธรรมเนียมสำหรับบุคคลผ่านเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง คือ คนไทย ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ คนละ 200 บาท เด็ก 100 บาท สถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานมีบริการบ้านพักรายละเอียดติดต่อ โทร. 0 2562 0760
การเดินทาง
การเดินทางไป เกาะช้าง สามารถเดินทางได้ ดังนี้ ...
1. เดินทางไป เกาะช้าง ทางรถโดยสารประจำทาง
จังหวัดตราด - ที่ทำการอุทยานฯ (แหลมงอบ) เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที แล้วเดินทางต่อโดยเรือโดยสารจากท่าเรือแหลมงอบ
2. เดินทางไป เกาะช้าง ทางเรือโดยสารจากท่าเรือแหลมงอบ
ที่อำเภอแหลมงอบ มีท่าเรือที่สามารถโดยสารไปยังเกาะช้าง ทั้งหมด 3 ท่า ได้แก่
++ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ - เกาะช้าง (บ้านธารมะยม)
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
++ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ - เกาะช้าง (บ้านอ่าวสับปะรด)
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา ค่าบริการสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ พร้อมคนขับข้ามแบบไปเกาะช้างต้องเสียค่าใช้จ่ายคันละ 150 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวราคาคนละ 60 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที มีเรือออกทุกๆ 30 นาที เที่ยวไปตั้งแต่เวลา 07.00 - 19.00 น. เที่ยวกลับเวลา 07.00 - 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3959 7143, 0 3959 7434, 0 3952 1661
++ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ - เกาะช้าง (บริเวณบ้านด่านเก่า)
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา จากท่าเรือแหลมงอบอยู่ห่างลงมาทางใต้ประมาณ 500 เมตร อัตราค่าโดยสารไปกลับราคาคนละ 120 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ไปกลับฟรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที มีเรือออกเที่ยวไปตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น. เที่ยวกลับเวลา 06.00 - 19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3953 8196
หรือจะเดินทางโดยเรือประมงดัดแปลง ค่าเรือโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที มีเรือออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. เรือกลับจากเกาะช้างมีหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา 07.00 - 16.00 น.
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
++ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ - เกาะช้าง (บ้านอ่าวสับปะรด)
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา ค่าบริการสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ พร้อมคนขับข้ามแบบไปเกาะช้างต้องเสียค่าใช้จ่ายคันละ 150 บาท และสำหรับนักท่องเที่ยวราคาคนละ 60 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที มีเรือออกทุกๆ 30 นาที เที่ยวไปตั้งแต่เวลา 07.00 - 19.00 น. เที่ยวกลับเวลา 07.00 - 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3959 7143, 0 3959 7434, 0 3952 1661
++ ท่าเทียบเรือแหลมงอบ - เกาะช้าง (บริเวณบ้านด่านเก่า)
สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารประจำทาง หรือเรือยนต์จ้างเหมา จากท่าเรือแหลมงอบอยู่ห่างลงมาทางใต้ประมาณ 500 เมตร อัตราค่าโดยสารไปกลับราคาคนละ 120 บาท รถยนต์ 4 ล้อ ไปกลับฟรี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที มีเรือออกเที่ยวไปตั้งแต่เวลา 06.00 - 19.00 น. เที่ยวกลับเวลา 06.00 - 19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3953 8196
หรือจะเดินทางโดยเรือประมงดัดแปลง ค่าเรือโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที มีเรือออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. เรือกลับจากเกาะช้างมีหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา 07.00 - 16.00 น.
3. การเดินทางบน เกาะช้าง
สามารถนั่งรถสองแถวต่อไปยังที่ที่ต้องการได้ การเดินทางบนเกาะจากท่าเรือมีรถสองแถวไปยังหาดทรายขาว คลองพร้าว ไก่แบ้ อัตราค่ารถ 30 บาท ส่วนหาดอื่นๆ ต้องเหมา และตกลงราคาก่อนเดินทาง
น้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอเมือง อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 134.50 ตารางกิโลเมตร หรือ 84,062.50 ไร่ ประกอบด้วยป่าที่สมบูรณ์ เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ทำให้มีอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี ยอดเขาสลับซับซ้อนสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 20-924 เมตร จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่ที่ ยอดเขามาบหว้ากรอก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 924 เมตร และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย อยู่ห่างจากจังหวัดจันทบุรีประมาณ 14 กิโลเมตร ถนนลาดยางตลอดสายทำให้สะดวกสบายในการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ถูกเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป แต่ต่อมา นายผจญ ธนมิตรามณี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสระบาป ได้ทำหนังสือขอเปลี่ยนชื่อ อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป เป็น อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เนื่องจาก "น้ำตกพลิ้ว" เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีน้ำตกตลอดปี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นจุดเด่นของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว"
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ถูกเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 11 ของประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป แต่ต่อมา นายผจญ ธนมิตรามณี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสระบาป ได้ทำหนังสือขอเปลี่ยนชื่อ อุทยานแห่งชาติเขาสระบาป เป็น อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เนื่องจาก "น้ำตกพลิ้ว" เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีน้ำตกตลอดปี อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นจุดเด่นของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2525 เห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว"
http://travel.kapook.com/view24288.html
ทุ่งดอกกระเจียว
ทุ่งดอกกระเจียว ป่าหินงาม ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอ เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ที่นี่นอกจะเป็นทุ่งดอกกระเจียวถือเป็นไฮไลต์ที่เด่นที่สุดของการมาท่องเที่ยวที่นี่การมาเที่ยวชมที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้สัมผัสกับทุ่งบัวสวรรค์หรือดอกกระเจียว ราชินีแห่งมวลไม้ดอกของขุนเขาป่าหินงาม ออกดอกสีชมพูอมม่วง ที่จะ ทยอยผลิบานเป็นระยะเวลา 2 เดือน ที่ออกปีละครั้ง ชูช่อล้อสายลมและสายหมอก ขึ้นเต็มทั่วผืนป่า
ทุ่งดอกกระเจียว ถือเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนแห้งแล้งจะกลับคืนสู่ความเขียวขจีและแต่งแต้มด้วยความ สดใส ของกระเจียวที่ผิดอกสีชมพูเต็มทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยความงดงามตระการตาของดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มไป ทั่วผืนป่า ตัดกับพื้นสีเขียวขจีของหญ้าเพ็ก และโขดหินธรรมชาติ อีกทั้งรูปลักษณ์สวยงาม วิจิตรพิสดารทำให้เป็น ทุ่งดอกกระเจียวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในประเทศไทย
ดอกกระเจียวจะพากันบานอยู่
ทุ่งดอกกระเจียว ถือเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนแห้งแล้งจะกลับคืนสู่ความเขียวขจีและแต่งแต้มด้วยความ สดใส ของกระเจียวที่ผิดอกสีชมพูเต็มทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยความงดงามตระการตาของดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มไป ทั่วผืนป่า ตัดกับพื้นสีเขียวขจีของหญ้าเพ็ก และโขดหินธรรมชาติ อีกทั้งรูปลักษณ์สวยงาม วิจิตรพิสดารทำให้เป็น ทุ่งดอกกระเจียวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในประเทศไทย
ดอกกระเจียวจะพากันบานอยู่
การเดินทางมาชมทุ่งดอกกระเจียวที่สวยงามที่สุด คือ ในช่วงเช้าที่มีสายหมอกบางๆ ปกคลุม แต่ถ้าหากมาในช่วง บ่ายที่ฝนเพิ่งตกใหม่ๆ ก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้ได้เช่นกัน นอกจากนี้การเที่ยวชมเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทุ่งดอกกระเจียว แล้ว ยังสามารถชมแหล่งท่องเที่ยวบริเวณข้างเคียงได้อีกด้วย เช่น ป่าหินงาม ซึ่งจะมีก้อนหินรูป ลักษณ์แปลกตา นรูปถ้วยรางวัลฟุตบอลฟีฟ่า รูปดอกเห็ดเขาประตูชุมพล น้ำตกเทพประทาน
• ผงโกโก้ 35 กรัม
• ผงฟู 3/4 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
• กล้วยไข่บด 1/2 ถ้วยตวง
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 1 ฟอง
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• นมสด 60 กรัม
• น้ำมันพืช 60 กรัม
• น้ำสะอาด 120 กรัม
• ดาร์กช็อกโกแลตชิพ หรือไวท์ช็อกโกแลตชิพ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำเค้กกล้วยไข่ช็อกโกแลต 1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
2. ร่อนแป้ง โกโก้ ผงฟู และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน 2-3 ครั้ง ใส่ลงในอ่างผสมแล้วทำหลุมตรงกลาง เตรียมไว้
3. ผสมกล้วยไข่บดกับกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
4. ตีไข่ไก่ให้เป็นฟองหยาบ ๆ ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปตีให้เข้ากัน ใส่นม น้ำมันพืช และน้ำ ลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมกล้วยลงไป ตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
5. เทส่วนผสมกล้วยเมื่อครู่ลงในหลุมแป้ง ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
6. เทส่วนผสมใส่ลงพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ โรยด้วยช็อกโกแลตชิพ นำเข้าอบประมาณ 20-25 นาที (ถ้าใช้ถ้วยใหญ่ อบประมาณ 24 นาที ถ้าถ้วยเล็กจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น) นำออกจากเตา พักทิ้งไว้บนตะแกรง พร้อมเสิร์ฟ
ในวันวาเลนไทน์คนส่วนมากจะให้กุหลาบสีแดงกัน แล้วทุกคนรู้ไหมคะ ว่ากุหลาบสีแดงสื่อความหมายว่าอย่างไร "กุหลาบสีแดง" ไม่ว่าจะเป็นสีแดงสดหรือสีแดงอ่อนก็ตามจะสื่อถึงการที่เราตกหลุมรักหรือแอบปลื้มใครซักคนอยู่นั้นเองค่ะ ส่วนสีแดงเข้มก็จะสื่อถึงความรักที่สุดแสนจะลึกซึ้ง มั่นคงแบบไม่มีวันจืดจางไปจากหัวใจนั้นเองจ้าา...
2. "ดอกกุหลาบสีขาว"
2. "ดอกกุหลาบสีขาว"
ก็อย่างที่เข้าใจกันเลยค่ะว่าสีขาวนั้นแสดงถึงความบริสุทธิ์ใสสะอาด เพราใครที่ให้หรือได้รับกุหลาบขาวนี้ แสดงว่าคนให้นั้นต้องการมอบความรับแบบบริสุทธิ์ใจ ใสสะอาดให้กับเรา โดยไม่หวังความรักตับแทนหรือผลตอบแทนใด (หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ)
3. "ดอกกุหลาบสีชมพู"
3. "ดอกกุหลาบสีชมพู"
กุหาบสีชมพูน่าจะเป็นสีที่คนนิยมมอบให้คนรักรองจากสีแดงนั้นเองนะคะ "กุหลาบสีชมพู" นั้นสื่อถึงความโรแมนติกของคนรัก ที่แสดงออกถึงความรักที่หวานซึ้งกับเรานั้นเอง แต่อย่างเพิ่งดีใจไปนะคะ เพราะกุหลาบสีชมพูนั้น ไม่ได้แปลวว่าเป็นความรักที่ลึกซึ้ง แต่เป็นความรักที่ฉาบฉวยต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ
4. "ดอกกุหลาบสีส้ม"
4. "ดอกกุหลาบสีส้ม"
"กุหหลาบสีส้ม" สื่อถึง ความร่าเริงสดใส และเป็นตัวของตัวเอง ของคนรับ และความอบอุ่นเหมือนแสงของดวงอาทิตย์เวลาที่อยู่ด้วยนั้นเองค่ะ และยังบอกถึงความรักที่ผ่านมาด้วยกันค่ะ
5. "ดอกกุหลาบสีเหลือง"
5. "ดอกกุหลาบสีเหลือง"
"กุหลาบสีเหลือง" เป็นสีแห่งมิตรภาพนั้นเองค่ะ สื่อถึงความห่วงใยของคนที่ให้ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นสีที่เอาไปเยี่ยมคนป่วยเท่านั้น จริงๆแล้วเราสามารถนำไปให้เพื่อนในโอกาศสำคัญหรือวันพิเศษๆของเพื่อนเราก็ได้นะคะ ขอแนะนำว่าไม่ควรนำไปให้คนรักของเราในวันวาเลนไทน์นะคะ เพราะอาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ อิอิ
6. "ดอกกุหลาบสีฟ้า"
6. "ดอกกุหลาบสีฟ้า"
"กุหลาบสีฟ้า" ถ้าใครหลายคนได้รู้ความหมายของกุหลาบสีนี้จะต้องอยากได้อย่างแน่นอนเลยค่ะ เพราะกุหลาบสีสีนี้ เชื่อความเป็นสีแห่งความอดทน ความแข็งแกร่ง ความฝันอันสวยงาม และเป็นความรักที่มั่นคงตลอดกาลนั้นเองค่ะ
7. "ดอกกุหลาบสีม่วง"
7. "ดอกกุหลาบสีม่วง"
"กุหลาบสีม่วง" หลายคนคงรู้ความหมายของมันดีนะคะนั้นก็คือ ความเศร้า นั้นเอง แต่คุณรู้ไหมว่ากุหลาบดอกนี้มีอีกความหมายหนึ่ง ถ้าเรามองในแง่ของความสุขนะคะ นั้นก็คือ ความสำเร็จในชีวิตการงานนั้นเองค่ะ
8. "ดอกกุหลาบสีดำ"
8. "ดอกกุหลาบสีดำ"
"กุหลาบสีดำ" อาจจะเป็นกุหลาบที่หายากมากๆหรืออาจหาไม่เจอเลยดอกนี้ หลายคนอาจจะเข้าใจว่า กุหลาบดอกนี้มีความหมายว่าความเศร้า ความเสียใจ แต่ความหมายจริงๆของกุหลาบสีดำดอกนี้ คือ ความรักที่เป็นนิรันดร์ และมันไม่มีอยู่จริงดั่งสีกุหลาบนั้นเอง
https://blog.eduzones.com
ไม้ประดับ
1. โกสน
โกศลเป็นไม้ประดับมงคลที่อยู่ในตระกูลเดียวกับโป๊ยเซียน ลักษณะเป็นทรงพุ่ม ใบเรียวยาว และมีสีสันแตกต่างกันออกไป คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่าหากบ้านไหนปลูกโกสนไว้ก็เท่ากับการสร้างบุญสร้างกุศลจะส่งผลให้อยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนี้โกสนยังช่วยดูดซับสารพิษโดยรอบได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การนำมาจัดสวนหน้าบ้านเพราะเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัด ดูแลด้วยการรดน้ำให้เยอะ 1 ครั้งต่อวัน หมั่นเติมปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกในบริเวณโคนต้นเพียงเดือนละ 1 ครั้ง
2. เฟิร์น
หากพูดถึงไม้ประดับที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านดูเขียวขจีเหมือนป่าแล้วละก็ต้องนึกถึง เฟิร์น เป็นอันดับแรก ซึ่งแบ่งออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์และยังเป็นไม้มงคลยอดนิยมที่ช่วยเสริมเกียรติยศของครอบครัวได้อีกด้วย จะใส่กระถางแขวนหรือปลูกลงดินก็ควรให้อยู่ในที่ที่มีแดดรำไรและมีความชื้นสูงเล็กน้อย ดูแลด้วยการรดน้ำให้ชุ่มทุกวันแต่อย่ารดน้ำเยอะจนแฉะ จากนั้นนำซากใบไม้มาคลุมหน้าดินป้องกันความชื้นระเหย นอกจากนี้ควรละลายปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกกับน้ำรดลงไปที่โคนต้นเดือนละครั้งพร้อมกับตัดเล็มส่วนที่เน่าทิ้งไปอย่างสม่ำเสมอ
3. หมากผู้หมากเมีย
หมากผู้หมากเมียเป็นไม้ประดับที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสวนไม้ประดับทั่ว ๆ ไปได้ เนื่องจากเป็นพืชใบที่มีสีสันสวยงาม มีลักษณะทรงพุ่ม ใบเรียวยาว และส่งกลิ่นหอมในตอนกลางคืน หมากผู้หมากเมียปลูกง่าย ดูแลง่ายเพียงแค่ตั้งให้โดนแดดรำไร และรดน้ำแต่พอดีเพื่อป้องกันน้ำขัดในดินจนรากเน่าเสีย นอกจากนี้ควรหมั่นใส่ปุ๋ยบำรุงทุก 3 เดือน
4. บอนสี
ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งใบไม้” ขนาดนี้จะไม่นำมาเสนอก็คงเป็นไปไม่ได้ บอนสีมีด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ เป็นไม้มงคลที่จะช่วยคุ้มครองให้คนในบ้านอยู่อาศัยอย่างมีความสุขและร่มเย็น มีความสูงตั้งแต่ 0.5-1 เมตร ลักษณะใบแผ่กว้างและยาว มีสีสันและลวดลายสวยงาม ส่วนการดูแลจะต้องตั้งในทิศทางที่แดดรำไร รดน้ำมากแต่ต้องไม่แฉะจนเกินไปทั้งเช้าและเย็น เพราะต้องอาศัยความชื้นควบคุมอุณหภูมิขณะสร้างเม็ดสีจากแสงแดด
แม้จั๋งจะเป็นพืชในตระกูลปาล์มแต่ก็ถือว่าเป็นปาล์มแตกกอ ที่นิยมนำมาจัดสวนและปลูกในอาคาร เพราะเป็นไม้ประดับที่ช่วยดูดซับสารพิษได้ดี จั๋งมีถิ่นกำเนิดในแถบบริเวณบ้านเราซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ จั๋งเชียงใหม่และจั๋งลาว ในบ้านเรานั้นนิยมนำจั๋งเชียงใหม่มาจัดสวนกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะสูงแค่ 5 เมตรเมื่อโตเต็มที่ นอกจากนี้ยังเลี้ยงง่ายดูแลไม่ยาก แค่ปลูกให้อยู่ในที่ที่แดดรำไร รดน้ำปานกลาง เติมปุ๋ยหมักแค่เดือนละ 1 ครั้งด้วยการละลายน้ำแล้วรดไปตรงโคนต้น แต่สำหรับคนที่ปลูกจั๋งไวในกระถางต้องเปลี่ยนกระถางให้ใหม่ทุกปีด้วยนะคะ
6. สาวน้อยประแป้ง
ไม้ประดับยอดนิยมที่คุ้นหูคุ้นตาคนไทยมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น สาวน้อยประแป้ง ที่มีลักษณะใบกว้างและยาว มีจุดประสีขาวกลางใบช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับสวนไม้ประดับได้ เป็นพืชที่ชอบความชื้นและสามารถทนอากาศแล้งได้เป็นอย่างดี แนะนำให้ปลูกด้วยดินร่วนซุยและปลูกในบริเวณที่มีแดดรำไร ไม่ควรรดน้ำมากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดโรคราได้ และต้องไม่ลืมเพิ่มสารอาหารด้วยการละลายปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในน้ำเปล่าเพื่อรดแค่เดือนละ 2 ครั้ง
7. สับปะรดสี
เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์แต่งสวนเลยก็ว่าได้นะคะสำหรับ สับปะรดสี ไม้ประดับในสวนที่มีลักษณะใบให้สีสันสวยงาม ควรปลูกในกาบมะพร้าวที่ระบายน้ำและอากาศได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสับปะรดสีมีรากแบบอากาศ ควรดูแลตามธรรมชาติไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพราะจะทำให้ต้นไม่ทนทานต่อสภาพโดยรอบ แนะนำให้ปลูกไว้ในทิศทางที่แดดส่องถึงเล็กน้อยเพื่อให้ใบออกสีสันได้อย่างพอดิบพอดี รดน้ำปานกลาง ถึงแม้จะชอบความชื้นแต่ก็อย่าปล่อยให้ชื้นแฉะจนเกินไป
8. เตยหอม
เตยหอมถือว่าเป็นไม้ประดับและสมุนไพรที่คู่ควรกับคนไทยมากที่สุด เพราะนอกจากใช้ประดับสวนให้สวยงามได้แล้ว มันยังนำมาทำอาหารและใช้เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกายได้อีกด้วย มีลักษณะเป็นไม้ทรงพุ่ม ใบเรียวยาว มีร่องตรงกลางใบ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว วิธีการดูแลรักษาก็ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก แค่หมั่นกำจัดวัชพืชที่คอยแย่งสารอาหารให้หมดไป ปลูกในพื้นที่ที่มีแดดรำไร แต่หากปลูกไว้ริมน้ำก็จะดีกว่าเพราะเตยหอมชอบความชื้น พร้อมกับใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกเพื่อบำรุงต้นให้งอกงาม
9. เล็บครุฑ
เล็บครุฑเป็นไม้ประดับที่คนนิยมนำมาปลูกประดับบ้านและสวนมากที่สุดต้นหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่นิยมปลูกไว้ริมรั้ว ลำต้นมีลักษณะใบกลม มีรอยหยักคล้ายขนนก มีหนามคล้ายเล็บครุฑ ขอบใบสีครีม ดูแลรักษาให้ดินอยู่ในสภาพที่ระบายน้ำได้สะดวก ตั้งในทิศทางที่มีแสงแดดส่องถึงและแดดไม่จัดจนเกินไป หมั่นตัดแต่งกิ่งก้านให้สวยงามเมื่อต้นเริ่มมีขนาดใหญ่ รดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ พรวนดินและใส่ปุ๋ยบ้างเป็นครั้งคราว
10. ศุภโชค
ศุภโชค อีกหนึ่งไม้ประดับมงคลที่เชื่อกันว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยเรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย เป็นไม้ยืนต้นสูงเต็มที่ประมาณ 6-8 เมตร ลักษณะใบเรียวยาวและเรียงติดกันแผ่กิ่งทรงพุ่ม ส่วนการดูแลนั้นก็ไม่ยากเพียงอย่าให้โดนแสงโดยตรง นอกนั้นก็ดูแลตามปกติทั่วไป รดน้ำปานกลาง และใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มสารอาหารบ้าง
http://home.kapook.com/view138599.html
ปลาการ์ตูน
ปลาการ์ตูน (Clown Fishes) เป็นปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงเป็นอันดับต้นๆของโลก เนื่องจากเป็นปลาที่มีสีสัน และลวดลายสวยงาม เลี้ยงง่าย อีกทั้งเป็นที่นิยมในตลาดสามารถเพาะจำหน่ายได้ในราคาสูง
หลังจากมีภาพยนตร์ เรื่อง Finding Nemo ทำให้กระแสการเลี้ยงปลาการ์ตูนมากขึ้นในตลาดโลก รวมทั้งในประเทศไทยเองก็เป็นที่นิยมเลี้ยงมากเช่นกัน โดยพบว่ามีมูลค่าการซื้อ-ขายปลาการ์ตูนประมาณ 30-40% ของปลาสวยงามทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศ และการจับในทะเลภายในประเทศ รวมถึงแหล่งใหญ่ที่มีการเพาะพันธุ์ในหลายจังหวัดในแถบภาคกลาง
ปลาการ์ตูนเป็นปลาที่จัดอยู่ในกลุ่มปลาสลิดหิน มีทั้งหมด 28 สกุล (Genus) มีมากกว่า 320 ชนิด (Species) แบ่งได้ออกเป็น 2 สกุล คือ สกุล Amphiprion มีประมาณ 27 ชนิด และ สกุล Premnas ที่มีเพียง 1 ชนิด
http://pasusat.com/
พับเหรียญโปรยทาน
ริ่มแรกควรเลือกริบบิ้นให้เหมาะกับแต่ละคนก่อน โดยริบบิ้นจะมีอยู่ 2 เนื้อ
1. ริบบิ้นเนื้อมัน เนื้อจะแข็ง สีมันวาว สีสดมาก ๆ เหมาะสำหรับพับลายผลไม้
2. ริบบิ้นเนื้อทราย มีหลายยี่ห้อด้วยกัน ลองเลือกมาเอาที่เราถนัด เนื้อทรายจะทำง่ายกว่าเนื้อมัน สีเนียนสวย เหมาะสำหรับพับลายกุหลาบ และลายอื่น ๆ (จริง ๆ เนื้อทรายก็พับลายผลไม้ได้เหมือนกันนะ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน)
เอาล่ะ เราจะลงรูปแบบต่าง ๆ พร้อมลิงก์ให้ เผื่อเพื่อน ๆ สนใจลองหัดพับกัน ผลไม้รวม น่าหม่ำจริง ๆ
สำหรับมือใหม่ หรือคนที่มีพื้นฐานอยู่บ้าง เริ่มแรกลองหัดลูกส้มก่อนนะคะ
จริง ๆ ก็พื้นฐานเดียวกัน ถ้าทำส้มเป็นอย่างอื่นก็หมู ๆ ตัดนั่น เพิ่มนี่ เดี๋ยวก็ได้ลายใหม่ ลูกกลม ๆ ของส้ม เราสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นอะไรก็ได้มังคุดแค่เราเปลี่ยนขั้วมันเราก็จะได้แบบใหม่แล้ววว
ต เต่า หลังส้ม นึกถึงเกมมาริโอ้เนอะ
พัฒนาไปอีกขั้นกับผลไม้เมืองหนาว ลายนี้ยอดนิยมจริงจริ๊ง
อีกสักรูป มาเป็นพวง
ยัง ยังไม่อิ่ม ขอเสิร์ฟผลไม้ต่อนะ สับปะรด ยานัด หรือบักนัด ของดีบ้านเรานี่แหละ มา ๆ ฟินกันต่อ
สับปะรดใบงาม ๆ แทบจะยืนงงในดง...สับปะรด
ลองทำกันดูตามคลิปเลยค่ะ
จากนั้นเราไปปีนป่าย เก็บเชอร์รีกัน (จริง ๆ ไม่เคยเห็นต้นเชอร์รีสักที ต้นเป็นไงไม่รู้ 5555)
ต่อไปจะพาชมไร่ข้าวโพดกันบ้าง
1. ริบบิ้นเนื้อมัน เนื้อจะแข็ง สีมันวาว สีสดมาก ๆ เหมาะสำหรับพับลายผลไม้
2. ริบบิ้นเนื้อทราย มีหลายยี่ห้อด้วยกัน ลองเลือกมาเอาที่เราถนัด เนื้อทรายจะทำง่ายกว่าเนื้อมัน สีเนียนสวย เหมาะสำหรับพับลายกุหลาบ และลายอื่น ๆ (จริง ๆ เนื้อทรายก็พับลายผลไม้ได้เหมือนกันนะ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน)
เอาล่ะ เราจะลงรูปแบบต่าง ๆ พร้อมลิงก์ให้ เผื่อเพื่อน ๆ สนใจลองหัดพับกัน ผลไม้รวม น่าหม่ำจริง ๆ
สำหรับมือใหม่ หรือคนที่มีพื้นฐานอยู่บ้าง เริ่มแรกลองหัดลูกส้มก่อนนะคะ
จริง ๆ ก็พื้นฐานเดียวกัน ถ้าทำส้มเป็นอย่างอื่นก็หมู ๆ ตัดนั่น เพิ่มนี่ เดี๋ยวก็ได้ลายใหม่ ลูกกลม ๆ ของส้ม เราสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นอะไรก็ได้มังคุดแค่เราเปลี่ยนขั้วมันเราก็จะได้แบบใหม่แล้ววว
ต เต่า หลังส้ม นึกถึงเกมมาริโอ้เนอะ
พัฒนาไปอีกขั้นกับผลไม้เมืองหนาว ลายนี้ยอดนิยมจริงจริ๊ง
อีกสักรูป มาเป็นพวง
ยัง ยังไม่อิ่ม ขอเสิร์ฟผลไม้ต่อนะ สับปะรด ยานัด หรือบักนัด ของดีบ้านเรานี่แหละ มา ๆ ฟินกันต่อ
สับปะรดใบงาม ๆ แทบจะยืนงงในดง...สับปะรด
ลองทำกันดูตามคลิปเลยค่ะ
จากนั้นเราไปปีนป่าย เก็บเชอร์รีกัน (จริง ๆ ไม่เคยเห็นต้นเชอร์รีสักที ต้นเป็นไงไม่รู้ 5555)
ต่อไปจะพาชมไร่ข้าวโพดกันบ้าง
http://hilight.kapook.com/view/131805
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งสิ่งที่มีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต เห็นได้ด้วยตาเปล่า และไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่า สิ่งแวดล้อมจะประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรที่มนุษย์สร้างขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์นั่นเอง
โดยคำนิยามแล้ว จะเห็นได้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งแวดล้อมทุกชนิดไม่เป็นทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งอาจกล่าวสรุปได้ว่า การที่จะจำแนกสิ่งแวดล้อมใดๆ เป็นทรัพยากรธรรมชาตินั้น มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ
การจัดการ (Management) หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด และการสงวนรักษา เพื่อให้กิจกรรมที่ดำเนินการนั้น สามารถให้ผลยั่งยืนต่อมวลมนุษย์และธรรมชาติ โดยหลักการแล้ว "การจัดการ" จะต้องมีแนวทางการดำเนินงาน ขบวนการ และขั้นตอน รวมทั้งจุดประสงค์ในการดำเนินงานที่ชัดเจนแน่นอน
จากคำจำกัดความข้างต้น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง การดำเนินงานต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด และการสงวนรักษา เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมนั้น สามารถเอื้ออำนวยประโยชน์แก่มวลมนุษย์ได้ใช้ตลอดไป อย่างไม่ขาดแคลน หรือมีปัญหาใดๆ หรืออาจจะหมายถึง กระบวนการจัดการ แผนงาน หรือกิจกรรมในการจัดสรร และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อสนองความต้องการในระดับต่างๆ ของมนุษย์ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาคือ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการอนุรักษ์ ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาด ประหยัด และก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ถ้าเราจะกำหนดว่า สิ่งแวดล้อมที่เรากล่าวกันทั่วๆ ไปนั้น เป็นเรื่องของปัญหาภาวะมลพิษ อันเนื่องมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือจากผลของความก้าวหน้าของการพัฒนาแล้ว เราก็สามารถให้คำจำกัดความแยกระหว่างการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการสิ่งแวดล้อมได้ดังนี้ คือ
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ ทั้งในด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด รวมทั้งการสงวน เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาตินั้น สามารถให้ผลได้อย่างยาวนาน
การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรามีผลดีต่อคุณภาพชีวิต นั่นก็คือ จะต้องดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะมลพิษ ที่จะมีผลต่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ปลอดภัย นั่นเอง
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะต้องยึดหลักการทางอนุรักษ์วิทยา เพื่อประกอบการดำเนินงานในการจัดการดังนี้ คือ
๑) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ใช้อย่างฉลาด หรือใช้ตามความจำเป็น ไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย และไม่เกิดการสูญเปล่า หรือเกิดการสูญเปล่าน้อยที่สุด
๒) การประหยัดของที่หายาก และของที่กำลังสูญพันธุ์
๓) การปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งที่เสื่อมโทรมให้คืนสภาพก่อนนำไปใช้ เพื่อให้ระบบสิ่งแวดล้อมดีขึ้น
- สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ได้แก่ บรรยากาศ น้ำ ดิน แร่ธาตุ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลก (พืช และสัตว์) ฯลฯ
- สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ สาธารณูปการต่างๆ เช่น ถนน เขื่อนกั้นน้ำ ฯลฯ หรือระบบของสถาบันสังคมมนุษย์ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ ฯลฯ
โดยคำนิยามแล้ว จะเห็นได้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งแวดล้อมทุกชนิดไม่เป็นทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งอาจกล่าวสรุปได้ว่า การที่จะจำแนกสิ่งแวดล้อมใดๆ เป็นทรัพยากรธรรมชาตินั้น มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ
- ประการแรก เกิดจากความต้องการของมนุษย์ที่จะนำสิ่งแวดล้อมมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง
- ประการที่สอง การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ถ้ายังไม่นำมาใช้ก็เป็นสิ่งแวดล้อม แต่ถ้านำมาใช้ประโยชน์ได้ ก็จะกลายเป็นทรัพยากรธรรมชาติในช่วงเวลานั้นๆ
- ประการที่สาม สภาพภูมิศาสตร์และความห่างไกลของสิ่งแวดล้อม ถ้าอยู่ไกลเกินไปคนอาจไม่นำมาใช้ ก็จะไม่สามารถแปรสภาพเป็นทรัพยากรธรรมชาติได้
การจัดการ (Management) หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด และการสงวนรักษา เพื่อให้กิจกรรมที่ดำเนินการนั้น สามารถให้ผลยั่งยืนต่อมวลมนุษย์และธรรมชาติ โดยหลักการแล้ว "การจัดการ" จะต้องมีแนวทางการดำเนินงาน ขบวนการ และขั้นตอน รวมทั้งจุดประสงค์ในการดำเนินงานที่ชัดเจนแน่นอน
จากคำจำกัดความข้างต้น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง การดำเนินงานต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด และการสงวนรักษา เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมนั้น สามารถเอื้ออำนวยประโยชน์แก่มวลมนุษย์ได้ใช้ตลอดไป อย่างไม่ขาดแคลน หรือมีปัญหาใดๆ หรืออาจจะหมายถึง กระบวนการจัดการ แผนงาน หรือกิจกรรมในการจัดสรร และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อสนองความต้องการในระดับต่างๆ ของมนุษย์ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาคือ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการอนุรักษ์ ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาด ประหยัด และก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ถ้าเราจะกำหนดว่า สิ่งแวดล้อมที่เรากล่าวกันทั่วๆ ไปนั้น เป็นเรื่องของปัญหาภาวะมลพิษ อันเนื่องมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือจากผลของความก้าวหน้าของการพัฒนาแล้ว เราก็สามารถให้คำจำกัดความแยกระหว่างการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการสิ่งแวดล้อมได้ดังนี้ คือ
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ ทั้งในด้านการจัดหา การเก็บรักษา การซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด รวมทั้งการสงวน เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาตินั้น สามารถให้ผลได้อย่างยาวนาน
การจัดการสิ่งแวดล้อม หมายถึง การดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรามีผลดีต่อคุณภาพชีวิต นั่นก็คือ จะต้องดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะมลพิษ ที่จะมีผลต่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ปลอดภัย นั่นเอง
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะต้องยึดหลักการทางอนุรักษ์วิทยา เพื่อประกอบการดำเนินงานในการจัดการดังนี้ คือ
๑) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ใช้อย่างฉลาด หรือใช้ตามความจำเป็น ไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย และไม่เกิดการสูญเปล่า หรือเกิดการสูญเปล่าน้อยที่สุด
๒) การประหยัดของที่หายาก และของที่กำลังสูญพันธุ์
๓) การปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งที่เสื่อมโทรมให้คืนสภาพก่อนนำไปใช้ เพื่อให้ระบบสิ่งแวดล้อมดีขึ้น
http://kanchanapisek.or.th
ดอกเบญจมาศ
ดอกเบญจมาศ
ภาษาอังกฤษเรียกว่า คริสแซนติมั่ม หรือ คริสแซนติมุ่มก็ได้ Chrysanthemum
ดอก เบญจมาศเหมือนดอกเก๊กฮวยค่ะอยู่ในเพียงแต่ดอกเล็กกว่าโดยทั่วไปแ่ต่ไม่มี ใครเรียกชื่อเต็มๆหรอกค่ะเพราะเรียกยาก ภาษาก็มาจากภาษากรีกที่แปลว่า ทอง Chrysosกับคำว่า แอนโธส Anthos
ที่แปลว่า ดอกไม้ ค่ะเรียกกันยากนักเลยเรียกกันอย่างย่นย่อว่ามัมส์ “moms”
ยังมีอีกชื่อค่ะที่ชอบเรียกกันทั่วไปว่า “แทนซี่ ”
ดอกเบญจมาศถือว่าเป็น ดอกไม้มงคลของจีน
มีอยู่ 4 ชนิดคือดอกเบญจมาศ ดอกท้อ ต้นไผ่ และดอกกล้วยไม้
ความหมายของต้นไม้มงคลที่เกิดจาก นักกวี หรือนักปราชญ์จีน
ได้เขียนกวี หรือบทประพันธ์เปรียบเทียบไว้ ซึ่งเมื่อบทกวีได้รับความนิยม
ต้นไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมใน ความหมายตามบทกวีนั้นๆ ด้วย
ดอกเบญจมาศ (ดอกฉุยฮัว) นักกวีชาวจีนชื่อ เผาหยวนหมิง
บทกวีเอกของจีน ได้เขียนกวีบทหนึ่ง โดยเปรียบเทียบดอกเบญจมาศว่าเป็นนักปราชญ์
ผู้มีจริยวรรตงดงาม ซึ่งบทกวีนี้ได้รับความยกย่องว่าเป็นบทกวีที่ไพเราะงดงามมาก
ต้นหลานฮวา หรือคนไทยรู้จักกันในนามว่ากล้วยไม้ดิน
กวีเอก เผาหยวนหมิง เขียนกวีไว้อีกบทว่า ต้นหลานฮัวเหมือนกับวิญญูชน
ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความดีที่บริสุทธิ์ ไม่โกงกิน ไม่ทำร้ายใคร
จึงนิยมมอบให้กับคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต
ดอกเบญจมาศเป็นไม้ล้มลุกดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้ตระกูลดอกเดซี่ค่ะ
ดอกใหญ่ดอกเดียวเด่นมีก้านแข็งแรงบานทนเกือบสิบวัน มีกว่า 100 สายพันธ์
ปลูกครั้งแรกที่จีน ญี่ปุ่น เมื่อ 3,000 กว่าปีมาแล้ว
เป็นดอกที่ชอบแสงแดดจัด ดินที่มีการระบายนํ้าค่อนข้างดี
บางสายพันธ์ุมีกลิ่นแรง จะมีกลิ่นฉุนมากกว่าหอม
ดอกเบญจมมาศเป็นดอกไม้ที่นิยมให้แก่คนอันเป็นที่รัก
ดอกเบญจมามาศมีหลายสีค่ะและมีความ หมายต่างกันเช่น
สีแดงสำหรับความรักและความมีโชคดี ความปรารถนาดี
สีขาวหมายถึง สัจจะ จีนหมายถึงชนชั้นสูง
ดอกเบญจมาศ เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพจีนยุคเก่าก่อนการปฎิวัติ และเป็นดอกไม้ของชนชั้นสูง
ย่อมเป็นของต้องห้ามสำหรับประชาชนธรรมดาๆ ทั่วไปที่จะปลูกดอกไม้ชนิดนี้ไว้เชยชม
สีเหลืองหมายถึงความรักที่ยั่งยืน
ภาพยนต์เรื่องหนึ่งของจีนก็ได้ใช้ดอกเบญมาศเป็นสัญลักษณ์
คือเรื่อง Curse of Golden Flower คำสาบของดอกไม้สีทอง คือดอกเบญจมาศสีเหลืองนี่เอง
บางประเทศในยุโรบจะถือว่าดอกเบญจมาศสีขาว หมายถึงความตายค่ะ
อันที่จริงดอกสีขาวหมายถึงสัจจะ หรือว่าความตายคือความจริงก็ถูกเหมือนกันนะคะ
ปัจจุบันมักจะหมายถึง ความสุขการมองโลกในแง่ดี ความเบิกบานแจ่มใส
ในญี่ปุ่นหมายถึงพระอาทิตย์ นำดอกเบญมาศมาจากจีนเมื่อปีคศ. 1400 ราชวงศ์ญี่ปุ่นชอบมาก
จึงนำเอามาเป็นตราลัญจกรของราชวงศ์สัญลักษณ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น หมายถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ดอกเบญจมาศมีความหมายมากค่ะ
สำหรับทางเอเซียเช่นจีนและญี่ปุ่นตามที่่ Dogstar ที่ญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของราชบัลลังก์
เป็นตราประทับของราชวงศ์เป็นชื่อเครื่องราช อิสริยาภรณ์ชั้นสูงของราชวงศ์
ที่มอบให้แก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ของประเทศ พระจักรพรรดิเป็นผู้มอบให้เท่านั้น
เป็นชื่อของเรือรบ ชื่อ คิกุกามอนโช (Kikugamonsho Battleship) ที่เกาหลี ญี่ปุ่น
https://5a23960.wordpress.com
ขนมรังผึ้ง
ส่วนผสมและสัดส่วน
1.แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
2.แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู ½ ช้อนชา
4.ยีสต์ ½ ช้อนชา
5.น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานแค่ไหน ก็ลดเพิ่ม ปริมาณเอานะค่ะ)
6.ไข่ไก่ 2 ฟอง
7.น้ำเปล่า 10 - 12 ช้อนโต๊ะ
8.เครื่องต่างๆ ที่จะใส่ เช่น ลูกเกด, ข้าวโพด , เผือก
2.แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู ½ ช้อนชา
4.ยีสต์ ½ ช้อนชา
5.น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานแค่ไหน ก็ลดเพิ่ม ปริมาณเอานะค่ะ)
6.ไข่ไก่ 2 ฟอง
7.น้ำเปล่า 10 - 12 ช้อนโต๊ะ
8.เครื่องต่างๆ ที่จะใส่ เช่น ลูกเกด, ข้าวโพด , เผือก
วิธีปรุง
1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู ยีสต์ และน้ำตาลทรายใส่ในชาม
2.ค่อยๆ ใส่น้ำลงไป ผสมให้เข้ากัน
3.ตอกไข่ใส่อีกชามแล้วตีให้แตก จากนั้นค่อยเทผสมใส่ในชามของแป้ง
4.พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
5.เตรียมพิมพ์วาฟเฟิ้ล โดยทาน้ำมันพืชบางๆ จากนั้นค่อยๆตักแป้ง หยอดลงไป ใส่เครื่องตามที่ต้องการ แล้วปิดฝา รอจนสุกจะได้กลิ่นหอมของขนมรังผึ้งค่ะ
2.ค่อยๆ ใส่น้ำลงไป ผสมให้เข้ากัน
3.ตอกไข่ใส่อีกชามแล้วตีให้แตก จากนั้นค่อยเทผสมใส่ในชามของแป้ง
4.พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
5.เตรียมพิมพ์วาฟเฟิ้ล โดยทาน้ำมันพืชบางๆ จากนั้นค่อยๆตักแป้ง หยอดลงไป ใส่เครื่องตามที่ต้องการ แล้วปิดฝา รอจนสุกจะได้กลิ่นหอมของขนมรังผึ้งค่ะ
https://th.openrice.com
ต้นไม้ในวรรณคดี
- ก.กระถินณรงค์, กาหลง, กรรณิการ์, กะทกรก, กระบาก, กล้วยไม้, เกด, กระลำพัก (สลัดไดป่า), กรวยป่า, กุหลาบเมาะลำเลิง, กระดังงา, กาแฟอราบิกา การะเกด (ลำเจียก ปาหนัน เตย), กฤษณา, กล้วยหมูสัง, โกสน, กระสัง, กุ่มบก, กระเบา, กุหลาบ, กระเช้าสีดา, กะเม็ง, กัลปพฤกษ์, แก้ว, กระวาน, กุหลาบมอญ
- ข.เข็มขาว, ข่อย, ขจร, ไข่เน่า, เข็ม, เข็มอุณากรรณ, ขมิ้นชัน(ขมิ้น), เข็มเชียงใหม่, เข็มเศรษฐี, ขานาง, ขนุน
- ค.แคนา, ครอบฟ้า, คนทา(สีฟันคนทา), คัดเค้า
- ง.งิ้ว, เงาะ
- จ.จำปีสิรินธร, จำปา
- ช.ช้องนาง, ขงโค, ชัยพฤกษ์
- ต.ตะโกนา, ตีนเป็ดทะเล
- ท.ทองหลางดอกขาว, ทุเรียน
- น.นมแมว
- บ.บุหงา, เบญจมาศ, บุนนาค, บุหงาส่าหรี, บานเย็น
- ป.ประดู่ป่า, ปออีเก้ง
- ผ.ไผ่สีทอง
- พ.พะยอม, พุทรา, พุดซ้อน
- ม.มิกกี้เม้า, มะเกลือ, มะเฟือง, โมกมัน, มะฮอกกานี, มะเขือยักษ์, มะกล่ำต้น, มะม่วง, มะพลับ
- ย.ยี่หุบ
- ร.ราชพฤกษ์, รัง, ราตรี, รำเพย
- ล.ลิ้นจี่, เล็บครุฑ
- ส.สัก, โสกเขา, ส้านชะวา, สมอไทย, สาละรังกา, สุพรรณิการ์, โสกสะบัน, ส้มโอ
- ห.หมาก, หว้า, หมากเหลือง, หมากนวล
- อ.เอื้องหมายนา, อบเชย
http://www.wangtakrai.com/
นีโม...ปลาเล็ก หัวใจโต๊...โต
เรื่องย่อ
การใช้ชีวิตอยู่ในแนวโขดหินประการังใต้ทะเลลึกนั้น ช่างเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยอันตรายสำหรับเหล่าปลาการ์ตูนตัวน้อยๆ จึงไม่แปลกที่ มาร์ลิน ปลาการ์ตูนพ่อม่าย จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ในการปกป้อง นีโม ลูกชายตัวเดียวของเขาให้ได้ แม้ใจเขาจะมีทั้งความกลัวและความกังวลประดังถาโถมเข้ามา และแล้ว เวลาที่นีโมจะต้องออกจากบ้านอันแสนปลอดภัยของเขาก็มาถึง ในวันแรกของการไปโรงเรียน มาร์ลินเป็นห่วงมากจึงไปส่งลูกชายเอง ด้วยนิสัยที่วิตกกังวลเกินเหตุไปกับทุกการเคลื่อนไหวของลูก จนนีโมรู้สึกว่าพ่อเริ่มเว่อร์ไปหน่อย เจ้าหนูจึงท้าทายพ่อด้วยการทำซนว่ายผ่านแนวหินเพื่อเข้าไปสำรวจเรือลำหนึ่ง แต่แล้วเรื่องคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อนักดำน้ำโผล่เข้ามารวบร่างของนีโมหายไปต่อหน้าต่อตามาร์ลิน ซึ่งไม่อาจช่วยอะไรได้ทัน! หัวใจที่หล่นวูบทำให้มาร์ลินว่ายพรวดออกตามหาลูกชายอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อผ่านไปถึงหน้าโรงเรียนปลา เขาก็กระโจนเข้าขอความช่วยเหลือจาก โดรี่ ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า ซึ่งยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่
แต่ปัญหาคือโดรี่ดันมีความจำแสนสั้นและพร้อมจะลืมทุกอย่างในเสี้ยววินาที คู่หูไม่ธรรมดาคู่นี้จึงออกผจญภัยในภารกิจที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะสำเร็จได้เลย ในเวลาเดียวกัน ที่ออฟฟิศหมอฟัน ณ อ่าวซิดนี่ย์ ฮาร์เบอร์ นีโมได้พบเพื่อนใหม่แปลกๆ มากมายในตู้ปลา นำทีมโดย กิลล์ หัวหน้าสุดซ่า ซึ่งมาจากมหาสมุทรเช่นกันและยังคงฝันถึงวันที่จะได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อนร่วมแทงค์อื่นๆ ประกอบด้วย ปลาดาวชื่อ พีช, ปลาปักเป้าเจ้าอารมณ์นาม โบล๊ท, บั๊บเบิ้ลส์ ปลาขี้ตังบ้าฟองอากาศ, เกอร์เกิ้ล ปลาโรยัลแกรมม่าอนามัยจัด, ชักส์ กุ้งพยาบาลผู้แสนรักความสะอาด และ เด็บ ปลาสลิดหินลายแถบขาวดำ ซึ่งเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเงาสะท้อนในผนังกระจกของตู้ปลานั้นคือ โฟล พี่น้องฝาแฝดของหล่อน การมาถึงของสมาชิกใหม่อย่างนีโม ได้ปลุกกระตุ้นความอยากหนีของกิลล์ให้ลุกโชนขึ้นอีกหนหนึ่ง
กลับไปที่มาร์ลินกับโดรี่ ทั้งคู่เดินทางไปจนกระทั่งเผชิญหน้ากับปัญหาที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นสามฉลามหนุ่ม ผู้ฝึกปรือพัฒนาภาพลักษณ์ตัวเองให้หลุดพ้นจากการเป็นแค่เครื่องจักรล่าสังหารไร้หัวใจ!, ปลาสินสมุทรที่สวยตื่นตาแต่อันตรายสุดขีด และดงแมงกะพรุน นอกจากนั้น สองเกลอยังได้เจอฉลามสีน้ำเงิน ได้ท่องย่าน East Australian Current (EAC) ร่วมกับฝูงเต่าทะเล และหนีการโจมตีของนกนางนวลอย่างเฉียดฉิวระหว่างกำลังผจญภัยอยู่ในแถบอ่าวซิดนี่ย์ฮาร์เบอร์ การเดินทางของพวกเขาเริ่มแปรร่างกลายเป็นตำนานแห่งการเล่าขานในหมู่ปลาและฝูงนก และตำนานว่าด้วยปลาการ์ตูนผู้กล้าหาญที่ท่องทั่วมหาสมุทร เพื่อจะตามลูกชายสุดที่รักนี้ก็ดังกระฉ่อนไปจนถึงหูของนีโมในแทงค์บนอ่าวในที่สุด นีโมทั้งแปลกใจและตื่นเต้นจับใจยากบรรยายเมื่อได้รู้ว่าพ่อกำลังเสี่ยงอันตรายตามหาเขาอยู่ ด้วยแรงกระตุ้นจากกิลล์และความปรารถนาของเขาเองที่จะได้กลับสู่อ้อมอกพ่อ ทำให้นีโมตัดสินใจวางแผนหลบหนีที่สุดเสี่ยง แต่เวลามีเหลือน้อยเต็มทน เพราะ ดาร์ล่า หลานสาวจอมซนของหมอฟัน เจ้าของประวัติเคยเขย่าตู้ปลาจนท้องระเบิด กำลังจะมารับตัวนีโมไปวันรุ่งขึ้น
มาร์ลินกับโดรี่เดินทางมาจนถึงซิดนี่ย์ฮาร์เบอร์และได้รับความช่วยเหลือจาก ไนเจิล นกกระทุงใจดีซึ่งก็เคยได้รับรู้เรื่องราวการเดินทางของปลาการ์ตูนใจกล้าตัวนี้มาแล้ว ด้วยเวลาที่งวดเข้ามาเต็มทนและอุปสรรคอีกมากที่รออยู่ สองพ่อลูกต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อจะได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง
การเปิดตัว
ภาพยนตร์ได้รับการเปิดตัวครั้งแรก ณ วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ส่วนในระบบวีเอชเอสและดีวีดีได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 และเปิดตัวในรูปแบบบลูเรย์ดิสก์ที่บางแห่งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 หลังจากความสำเร็จในการเปิดตัว เดอะ ไลอ้อน คิง อีกครั้งในรูปแบบ 3 มิติ ดิสนีย์และพิกซาร์ จึงได้ประกาศการเปิดตัว นีโม...ปลาเล็กหัวใจโต๊...โต อีกครั้งในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งมีแผนเปิดตัวในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2012
https://th.wikipedia.org
ไม่ต้องอด ก็ผอมได้...กินกล้วยสิ
สูตรไดเอตจากชีวิตจริง
สูตรไดเอตต่าง ๆ มักจะมีที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร หรือแพทย์ แต่จุดเริ่มต้นของ "Banana Breakfast Diet" เกิดจาก "ฮามาจิ" ผู้ชายอ้วน ๆ ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่พยายามทำทุกทางเพื่อความผอม ทั้งออกกำลังกายหนัก ๆ วิ่งวันละหลายชั่วโมง ไปจนอดอาหารดื่มแต่นมถั่วเหลือง แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง แถมยังรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ
แต่หลังจากกินกล้วยตามคำแนะนำของ "สึมิโกะ" เภสัชกรที่ศึกษาด้านโภชนบำบัดและเวชศาสตร์การป้องกัน ภายใน 6 เดือน น้ำหนักของเขาก็หายไปถึง 13 กิโลกรัม ทั้งคู่จึงพัฒนาแนวคิดเป็นสูตรไดเอต แนะนำลงบน MIXI ชุมชนออนไน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นกระแสยอดฮิตที่ทำให้สมาชิกลดน้ำหนักได้กว่า 300 คน จนได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ มียอดขายถล่มทลายเกิน 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ในชื่อ "ผอม สวย กล้วยช่วยได้"
กล้วยนี้มีดีอะไร
กล้วยเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่เกี่ยวข้องกับการลดความอ้วนก็คือ
วิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
โพแทสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ
เส้นใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก
เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิดและความอยากอาหาร
เอนไซม์ช่วยย่อยอาหารที่จะช่วยทำให้สารอาหารดูดซึมไปใช้ได้ทันที
น้ำตาลที่หลากหลาย ทั้งกลูโคส ฟรักโทส ซูโครส และแป้ง ทำให้อิ่มท้องได้นาน ลดความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันได้ด้วย
วิธีกินก็สำคัญ
หลักของสูตรไดเอตที่ฮามาจิค้นพบ นอกจากจะอาศัยประโยชน์จากกล้วยช่วยให้ผอมแล้ว การกินให้สัมพันธ์กับระบบการย่อยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สูตรนี้ "ได้ผล" โดยเขาบอกว่าการกินแค่กล้วยซึ่งเป็นผลไม้ย่อยง่ายและน้ำเปล่าในตอนเช้า จะทำให้กระเพาะ ลำไส้ และอวัยวะในระบบย่อยก็จะทำงานได้สะดวกขึ้น
เพราะตามหลักการของเวชศาสตร์การป้องกัน หลังกินไปแค่ 15-20 นาที กล้วยจะเคลื่อนที่ไปสู่ลำไส้ และเริ่มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ผัก คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จะใช้เวลาในการย่อยนานกว่า 3-4 ชั่วโมง ส่วน "น้ำ" ก็จะช่วยทำให้การหมุนเวียนของเลือดและของเหลวในร่างกายดีขึ้น เมื่อระบบต่าง ๆ ดีขึ้นคุณก็จะผอมลง แถม "กล้วย" ยังเป็นมื้อเข้าง่าย ๆ เหมาะกับชีวิตเร่งรีบของเราสุด ๆ
ออกกำลังกายเมื่ออยากออก
แน่นอนว่าถ้าอยากผอมคงละเลยการออกกำลังไปไม่ได้ แม้สูตรนี้จะไม่ได้บอกให้คุณอดอาหารจนเป็นอันตรายถ้าไปออกกำลังกาย ฮามาจิ บอกว่า เมื่อคุณน้ำหนักเกินมาก ๆ การฝืนออกกำลังแบบหักโหมอาจทำให้บาดเจ็บได้ และการที่ร่างกายรู้สึกทรมานนั้นมีสาเหตุ หากสิ่งที่ทำนั้นดีต่อสุขภาพ คุณก็จะไม่รู้สึกทรมาน ถ้าคุณไม่พร้อม การแกว่งแขนไปมายังมีผลดีต่อการไดเอ็ตมากกว่าการวิ่งจนหอบเสียอีก เมื่อรู้สึกแข็งแรงขึ้น ค่อยออกกำลังให้หนักขึ้นก็ยังไม่สาย
มาเริ่มกินกล้วยไดเอตกันเถอะ !
คอนเซ็ปต์ของ "Banana Breakfast Diet" ก็คือไม่ต้องอด ไม่ต้องทน ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลา วิธีเพื่อความผอมก็เลยไม่ยุ่งยาก
ตื่นนอน : ถ้าตื่นเองโดยธรรมชาติไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาปลุกจะยิ่งดีต่อระบบขับถ่าย
มื้อเช้า : กินกล้วยอะไรก็ได้ กี่ลูกก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดและดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง
ช่วงเช้า : ถ้ารู้สึกไม่อยู่ท้องให้เว้นช่วยหลังกินกล้วยสัก 15-30 นาที กินข้าวต้มสักชามหรือผลไม้ก็ได้
มื้อกลางวัน : กินอะไรก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดตายตัว
หลังเที่ยง : หรือหลังมื้ออาหารกลางวันประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้การย่อยดำเนินไปได้ด้วยดี อย่าเพิ่งออกกำลังกาย
15.00 น. : หากอยากกินของว่าง อนุญาตแค่เวลานี้เท่านั้น จะเป็นขนมหรือผลไม้ก็ได้
มื้อเย็น : กินอะไรก็ได้ แต่ควรกินให้เร็วกว่าปกติสักครึ่งชั่วโมง และดึกที่สุดไม่เกินสองทุ่ม
หลังมื้อเย็น : ถ้าต้องอยู่ทำงานจนดึกกินได้แค่ผลไม้สักลูกหนึ่งเท่านั้น
เข้านอน : พยายามฝึกนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ที่สุด
สูตรไดเอตต่าง ๆ มักจะมีที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร หรือแพทย์ แต่จุดเริ่มต้นของ "Banana Breakfast Diet" เกิดจาก "ฮามาจิ" ผู้ชายอ้วน ๆ ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่พยายามทำทุกทางเพื่อความผอม ทั้งออกกำลังกายหนัก ๆ วิ่งวันละหลายชั่วโมง ไปจนอดอาหารดื่มแต่นมถั่วเหลือง แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง แถมยังรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ
แต่หลังจากกินกล้วยตามคำแนะนำของ "สึมิโกะ" เภสัชกรที่ศึกษาด้านโภชนบำบัดและเวชศาสตร์การป้องกัน ภายใน 6 เดือน น้ำหนักของเขาก็หายไปถึง 13 กิโลกรัม ทั้งคู่จึงพัฒนาแนวคิดเป็นสูตรไดเอต แนะนำลงบน MIXI ชุมชนออนไน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นกระแสยอดฮิตที่ทำให้สมาชิกลดน้ำหนักได้กว่า 300 คน จนได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ มียอดขายถล่มทลายเกิน 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ในชื่อ "ผอม สวย กล้วยช่วยได้"
กล้วยนี้มีดีอะไร
กล้วยเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่เกี่ยวข้องกับการลดความอ้วนก็คือ
วิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
โพแทสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ
เส้นใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก
เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิดและความอยากอาหาร
เอนไซม์ช่วยย่อยอาหารที่จะช่วยทำให้สารอาหารดูดซึมไปใช้ได้ทันที
น้ำตาลที่หลากหลาย ทั้งกลูโคส ฟรักโทส ซูโครส และแป้ง ทำให้อิ่มท้องได้นาน ลดความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันได้ด้วย
วิธีกินก็สำคัญ
หลักของสูตรไดเอตที่ฮามาจิค้นพบ นอกจากจะอาศัยประโยชน์จากกล้วยช่วยให้ผอมแล้ว การกินให้สัมพันธ์กับระบบการย่อยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สูตรนี้ "ได้ผล" โดยเขาบอกว่าการกินแค่กล้วยซึ่งเป็นผลไม้ย่อยง่ายและน้ำเปล่าในตอนเช้า จะทำให้กระเพาะ ลำไส้ และอวัยวะในระบบย่อยก็จะทำงานได้สะดวกขึ้น
เพราะตามหลักการของเวชศาสตร์การป้องกัน หลังกินไปแค่ 15-20 นาที กล้วยจะเคลื่อนที่ไปสู่ลำไส้ และเริ่มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ผัก คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จะใช้เวลาในการย่อยนานกว่า 3-4 ชั่วโมง ส่วน "น้ำ" ก็จะช่วยทำให้การหมุนเวียนของเลือดและของเหลวในร่างกายดีขึ้น เมื่อระบบต่าง ๆ ดีขึ้นคุณก็จะผอมลง แถม "กล้วย" ยังเป็นมื้อเข้าง่าย ๆ เหมาะกับชีวิตเร่งรีบของเราสุด ๆ
ออกกำลังกายเมื่ออยากออก
แน่นอนว่าถ้าอยากผอมคงละเลยการออกกำลังไปไม่ได้ แม้สูตรนี้จะไม่ได้บอกให้คุณอดอาหารจนเป็นอันตรายถ้าไปออกกำลังกาย ฮามาจิ บอกว่า เมื่อคุณน้ำหนักเกินมาก ๆ การฝืนออกกำลังแบบหักโหมอาจทำให้บาดเจ็บได้ และการที่ร่างกายรู้สึกทรมานนั้นมีสาเหตุ หากสิ่งที่ทำนั้นดีต่อสุขภาพ คุณก็จะไม่รู้สึกทรมาน ถ้าคุณไม่พร้อม การแกว่งแขนไปมายังมีผลดีต่อการไดเอ็ตมากกว่าการวิ่งจนหอบเสียอีก เมื่อรู้สึกแข็งแรงขึ้น ค่อยออกกำลังให้หนักขึ้นก็ยังไม่สาย
มาเริ่มกินกล้วยไดเอตกันเถอะ !
คอนเซ็ปต์ของ "Banana Breakfast Diet" ก็คือไม่ต้องอด ไม่ต้องทน ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลา วิธีเพื่อความผอมก็เลยไม่ยุ่งยาก
ตื่นนอน : ถ้าตื่นเองโดยธรรมชาติไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาปลุกจะยิ่งดีต่อระบบขับถ่าย
มื้อเช้า : กินกล้วยอะไรก็ได้ กี่ลูกก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดและดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง
ช่วงเช้า : ถ้ารู้สึกไม่อยู่ท้องให้เว้นช่วยหลังกินกล้วยสัก 15-30 นาที กินข้าวต้มสักชามหรือผลไม้ก็ได้
มื้อกลางวัน : กินอะไรก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดตายตัว
หลังเที่ยง : หรือหลังมื้ออาหารกลางวันประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้การย่อยดำเนินไปได้ด้วยดี อย่าเพิ่งออกกำลังกาย
15.00 น. : หากอยากกินของว่าง อนุญาตแค่เวลานี้เท่านั้น จะเป็นขนมหรือผลไม้ก็ได้
มื้อเย็น : กินอะไรก็ได้ แต่ควรกินให้เร็วกว่าปกติสักครึ่งชั่วโมง และดึกที่สุดไม่เกินสองทุ่ม
หลังมื้อเย็น : ถ้าต้องอยู่ทำงานจนดึกกินได้แค่ผลไม้สักลูกหนึ่งเท่านั้น
เข้านอน : พยายามฝึกนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ที่สุด
http://health.kapook.com/view87723.html
โลมา
โลมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกหนึ่ง อาศัยอยู่ทั้งในทะเล, น้ำจืด และน้ำกร่อย มีรูปร่างคล้ายปลา คือ มีครีบ มีหาง แต่โลมามิใช่ปลา เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรก จัดอยู่ในอันดับวาฬและโลมา (Cetacea) ซึ่งประกอบไปด้วย วาฬและโลมา ซึ่งโลมาจะมีขนาดเล็กกว่าวาฬมาก และจัดอยู่ในกลุ่มวาฬมีฟัน (Odontoceti) เท่านั้น
โลมา เป็นสัตว์ที่รับรู้กันเป็นอย่างดีว่าเฉลียวฉลาด มีความเป็นมิตรกับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยชีวิตมนุษย์เมื่อยามเรือแตก จนกลายเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าขานทั่วไป มีอุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูง บางฝูงอาจมีจำนวนมากถึงหลักพันถึงหลายพันตัว ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว รวมถึงสามารถกระโดดหมุนตัวขึ้นเหนือน้ำได้ ชอบว่ายน้ำขนาบข้างหรือว่ายแข่งไปกับเรือ
ศัพทมูลวิทยาและเทพปกรณัม
คำว่า "Dolphin" ซึ่งเป็นชื่อสามัญในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกโลมา มาจากภาษากรีกโบราณคำว่า δελφίς "เดลฟิส" (Delphis) ในเทพปกรณัมกรีกไดอะไนซัส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง และหนึ่งในเทพโอลิมปัส ได้แปลงกายลงมาเป็นมนุษย์ ชื่อ เดลฟิส และได้โดยสารเรือข้ามจากเกาะอิคาเรียไปยังเกาะนาซอส ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไดอะไนซัสนั้นแม้จะเป็นเทพ ทว่าไม่มีญาณหยั่งรู้ว่าเรือลำที่ตนโดยสารไปนั้นเป็นเรือโจร ลูกเรือจะปล้นผู้โดยสารทุกคนถ้วนหน้า เดลฟิสถูกลูกเรือปล้น และคิดจะจับไปขายเป็นทาส ด้วยเหตุนี้ เดลฟิสจำต้องแสดงตนเป็นเทพเจ้า และสาปให้เรือมีเถาองุ่นขึ้นเต็ม มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกลูกเรือตกใจและกระโดดน้ำหนีไปหมด และได้กลายร่างเป็นโลมา มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อกลายเป็นโลมา นิสัยของลูกเรือก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสัตว์ที่ใจดี มีเมตตา ทั้งยังเป็นผู้ช่วยของเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร คือ โพไซดอน อีกด้วย ด้วยเหตุนี้โลมาจึงได้รับเกียรติจากโพไซดอน บันดาลให้เป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า กลุ่มดาวโลมา (Delphinus)[2]
คำว่า "โลมา" ในภาษาไทย มีรากฐานมาจากคำว่า "ลูมบาลูมบา" (Lumba-lumba) ในภาษามลายู ในภาษาในทวีปเอเชียอื่น ๆ โลมามักมีการเปรียบเทียบกับหมู เช่น ในภาษาจีน โลมามีความหมายตรงตัวว่า "ลูกหมูทะเล" (海豚) และ ในภาษาเวียดนาม โลมามีความหมายตรงตัวว่า "ปลาหมู" (Cá heo)
ลักษณะ
โลมา อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในมหาสมุทรโดยทั่วไป ลักษณะของโลมาที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ มีรูปร่างเพรียวยาวคล้ายตอร์ปิโดหรือกระสวย ส่วนใหญ่มีปลายปากยื่นแหลม แต่ก็มีบางชนิดที่มีส่วนหัวกลมมนคล้ายแตงโมหรือบาตรพระ มีหางแบนในแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้งเหมือนปลา เพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำในแนวขึ้น-ลง ไม่มีขนปกคลุมลำตัว ไม่มีเกล็ด รวมทั้งไม่มีเมือกด้วย[3]
นอกจากนี้แล้วยังมีมีอวัยวะต่าง ๆ ทุกส่วนเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป หากแต่ละส่วนของอวัยวะจะปรับเปลี่ยนต่างไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ดังนี้ จมูกของโลมามีไว้เพื่อหายใจ แต่จมูกนั้นต่างไปจากจมูกของสัตว์อื่น ๆ เพราะตั้งอยู่กลางกระหม่อมเป็นรูกลม เพื่อให้สะดวกต่อการเชิดหัวขึ้นหายใจเหนือน้ำ จากจมูกมีท่อหายใจต่อลงมาถึงปอดในตัว จึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำผ่านเหงือกเข้าไปในปอดเพื่อช่วยหายใจเหมือนปลาหรือสัตว์น้ำอย่างอื่น และจมูกของโลมาตรงส่วนนี้ไม่สามารถใช้ในการรับกลิ่นได้เหมือนกับสัตว์อื่นทั่วไป ซึ่งในบรรดาวาฬมีฟันทุกชนิดต่างก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด[4] หูของโลมานั้นเป็นเพียงแค่รูขนาดเล็กติดอยู่ด้านข้างของหัวเท่านั้น มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถรับคลื่นเสียงใต้น้ำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะโลมาเหมือนวาฬตรงที่เป็นสัตว์ที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยคลื่นเสียงที่ปล่อยออกมา โดยเฉพาะกับภาษาที่โลมาสื่อสารกันด้วยเสียงที่มีคลื่นความถี่สูง โลมามีดวงตาไม่เล็กเหมือนอย่างวาฬ แววตาแจ่มใส เหมือนตาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น มีเปลือกตาปิดได้ และในเวลากลางคืนตาก็จะเป็นประกาย คล้ายตาแมว ตาของโลมาไม่มีเมือกหุ้มเหมือนตาปลา และมองเห็นได้ไกลถึง 50 ฟุต เมื่ออยู่ในอากาศ สีผิวของโลมาแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน ส่วนมากจะออกไปในโทนสีเทา ตั้งแต่เข้มเกือบดำ จนกระทั่งถึงเกือบขาว แต่โดยทั่วไปโลมาจะมีสีผิวแบบ 2 สีตัดกัน ด้านบน เป็นสีเทาเข็ม ด้านล่างเป็นสีเกือบขาว เพื่อพรางตัวในทะเล ไม่ให้ศัตรูเห็น เพราะเมื่อมองจากด้านบน สีเข็มจะกลืนกับสีน้ำทะเล และถ้ามองจากด้านล่างขึ้นไป สีขาวก็จะกลืนเข้ากับแสงแดดเหนือผิวน้ำ
โลมาถือเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว มีอัตราความเร็วในการว่ายน้ำประมาณ 55-58 กิโลเมตร/ชั่วโมง[5]
สติปัญญา
โลมานั้นเป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาดมาก เชื่อว่า ความฉลาดของโลมานั้นเทียบเท่าเด็กตัวเล็ก ๆ เลยทีเดียว หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะฉลาดกว่าชิมแปนซี ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโลมามีขนาดของสมองเมื่อเทียบกับลำตัวแล้วนับว่าใหญ่มาก แถมภายในสมองยังซับซ้อนอีกด้วย โดยเฉพาะโลมาปากขวดนั้นถึงกับมีขนาดของสมอง เมื่อเทียบกับลำตัวใหญ่แล้ว ถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดสมองใหญ่เป็นที่สองรองจากมนุษย์[6] และสมองส่วนซีรีบรัม อันเป็นส่วนของความจำและการเรียนรู้ ก็มีขนาดใหญ่มาก เป็นศูนย์รวมของประสาทการรับกลิ่น, การมองเห็น และการได้ยิน จนอาจเชื่อได้ว่าแท้จริงแล้ว โลมาอาจมีความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ก็เป็นได้ ซึ่งจากความฉลาดแสนรู้ของโลมา จึงทำให้เป็นที่นิยมนำมาฝึกแสดงโชว์ต่าง ๆ ตามสวนสัตว์และสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ [7]
นอกจากนี้แล้ว โลมายังเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมชอบช่วยเหลือมนุษย์ยามเมื่อเรือแตกหรือใกล้จะจมน้ำ ทั้งนี้เพราะโลมาเป็นสัตว์ที่รักสนุกและขี้เล่น ที่โลมาช่วยชีวิตมนุษย์อาจเป็นเพราะต้องการเข้ามาเล่นสนุกเท่านั้น หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่มักจะดุนลูกขึ้นไปหายใจบนผิวน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะถ้าลูกโลมาเสียชีวิตระหว่างคลอด จะพบว่าแม่โลมาจะพยายามดุนศพลูกเอาไว้ให้ใกล้ผิวน้ำมากที่สุด[8] โดยปกติแล้ว เนื้อโลมาไม่ใช่อาหารหลักเหมือนสัตว์เศรษฐกิจทั่วไป แต่ก็มีบางประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นนิยมบริโภคเนื้อโลมาและวาฬ เดิมญี่ปุ่นนั้นล่าวาฬเป็นหลัก แต่ต่อมาได้มีการอนุรักษ์และกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น จึงหันมาล่าโลมาแทน โดยเพิ่มปริมาณการล่าโลมาขึ้นเป็นสี่เท่า ทำให้โลมาในทะเลญี่ปุ่นลดน้อยลงเป็นอันมาก
https://th.wikipedia.org/
บานไม่รู้โรย
ลักษณะของบานไม่รู้โรย
- ต้นบานไม่รู้โรย เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้[9] บ้างก็ว่ามีถิ่นกำเนิดในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และในอเมริกา[7] โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็กมีอายุประมาณ 1 ปี มีความสูงของต้นประมาณ 50 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านบริเวณยอดต้น กิ่งก้านเป็นเหลี่ยมและมีร่อง ลำต้นอ่อนมีขนสีขาวปกคลุม ตามข้อต้นพองออกเล็กน้อย ข้อต้นเป็นสีแดง แต่บางต้นข้อต้นก็เป็นสีเขียว นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด แม้เมล็ดที่ร่วงหล่นลงใต้ต้นก็ยังสามารถนำไปปลูกเป็นต้นใหม่ได้โดยไม่ต้องเพาะ โดยให้ปลูกไว้กลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดแบบเต็มที่ และสามารถปลูกในดินชนิดใดก็ได้ แต่ควรเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยผสมลงไปในดินก่อนปลูก ส่วนการรดน้ำก็ให้รดตามความจำเป็น เพราะพรรณไม้ชนิดนี้จะทนแล้งได้ดีกว่าแฉะ จึงไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวันจนน้ำท่วมขัง เพราะจะทำให้ต้นเน่าตายได้[1],[2],[3],[7] โดยสายพันธุ์ที่นิยมใช้ปลูกมีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ Tall Mixture (เป็นพันธุ์ต้นสูง มีความสูงของพุ่มประมาณ 18 นิ้ว มีทั้งสีขาวและสีแดงอมม่วง) และพันธุ์ Buddy (พุ่มสูงเพียง 9 นิ้ว ดอกเป็นสีแดงอมม่วง เหมาะที่จะนำมาปลูกเป็นกลุ่มก้อนเพื่อประดับอาคารหรือปลูกเป็นพืชคลุมดิน)[7]
- ใบบานไม่รู้โรย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ สวนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบและท้องใบมีขนสีขาว เนื้อใบมีลักษณะนิ่ม ก้านใบสั้น ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนสีขาว[1],[3]
- ดอกบานไม่รู้โรย ออกดอกเป็นกระจุกทรงกลมบริเวณปลายกิ่ง มีดอกย่อยอัดกันแน่น แต่ละช่อดอกจะมีดอกย่อยประมาณ 2-3 ดอก ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงกลมขนาดเท่าผลพุทรา ดอกเป็นสีขาว สีแดงแก่ สีม่วง หรือสีชมพูอ่อน (แต่จะใช้ดอกขาวมาเป็นยา เพราะสีขาวเป็นสีที่บริสุทธิ์ เมื่อนำมาทำยาแล้วจะไม่มีสีอะไรมาเจือปน) มีลักษณะแข็ง กลีบดอกมีขนาดเล็กเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทั้งดอก ปลายกลีบแหลมคล้ายขนแข็ง ๆ และมีใบประดับหรือกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว มีอยู่ด้วยกัน 2 กลีบ เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร อีกทั้งกลีบดอกยังไม่หลุดร่วงได้ง่าย แม้ว่าดอกจะแก่หรือแห้งแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของชื่อ “บานไม่รู้โรย“[1],[2],[8]
- ผลบานไม่รู้โรย ผลเป็นผลแห้ง เป็นกระเปาะ ลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน มีขนาดประมาณ 2.5 มิลลิเมตร ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน เมล็ดมีลักษณะแบนหรือเป็นรูปไข่[1],[8]
สรรพคุณของบานไม่รู้โรย
- ทั้งต้นและรากมีรสเย็นขื่น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้กษัย (ทั้งต้นและราก)[1],[2]
- ดอกและต้นมีรสหวาน ขื่น ชุ่ม เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ใช้เป็นยาแก้ตับร้อน หรือธาตุไฟเข้าตับ ช่วยแก้ตาเจ็บ ตามัว อันเนื่องจากธาตุไฟเข้าตับ (ต้น,ดอก)[3]
- ใช้แก้เด็กตัวร้อนตาเจ็บ ด้วยการใช้ดอกสดประมาณ 10-14 ดอก นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้ผสมกับฟังเชื่อมแห้ง นำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยา (ดอก)[4]
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้ลมขึ้นศีรษะ ทำให้เวียนศีรษะ ด้วยการใช้ดอก 10 กรัม และหญ้าแซ่ม้า 20 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน (ดอก)[3],[4]
- ใช้แก้เด็กเป็นโรคลมชัก ด้วยการใช้ดอก 10 ดอก ผสมกับตั๊กแตนแห้ง 7 ตัว (Oxya chinensis thumb.) นำมาตุ๋นเป็นยารับประทาน (ดอก)[4]
- ช่วยแก้อาการไอ (ทั้งต้นและราก[2], ดอก[4]) แก้อาการไอเป็นเลือด เลือดออกตามทวารทั้งเก้า (ดอกและต้น,ทั้งห้าส่วน)[3],[9] แก้ไอกรน (ดอก)[4]
- ใช้แก้หืดหอบ ไอหืด ไอหอบ หลอดลมอักเสบ ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ดอก 10 ดอก นำมาต้มผสมกับเหล้าเล็กน้อย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง หรือให้ใช้สารที่สกัดได้จากดอกทำเป็นยาฉีด โดยใช้ครั้งละ 0.3 ซีซี ถ้าหากมีเสมหะมาก ให้เพิ่มปริมาณได้อีกตามที่แพทย์สั่ง (ดอก)[3],[4]
- ช่วยขับเสมหะ (ดอก)[3]
- ช่วยรักษาโรควัณโรคในปอด (ดอก)[3]
- ช่วยรักษาโรคบิด (ทั้งต้นและราก,ดอก)[2],[3],[4] ช่วยแก้บิดมูก ให้ใช้ดอก 10 ดอก นำมาต้มกับน้ำผสมกับเหล้าเล็กน้อย ใช้ดื่มเป็นยา (ดอก)[4]
- ทั้งต้นและราก นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาขับปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ (ทั้งต้นและราก,ดอก)[1],[2],[3],[4]
- ช่วยแก้ปัสสาวะขัด ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ด้วยการใช้ดอก 10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานบ่อย ๆ (ดอก)[3],[4]
- ทั้งต้นและรากนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้กามโรค แก้หนองใน (ทั้งต้นและราก)[1],[2],[3]
- ทั้งต้นและราก ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้มุตกิดหรือกขาว ช่วยขับระดูขาวของสตรี ช่วยขับระดูขาวให้แห้ง (ทั้งต้นและราก)[1],[2],[3]
- ดอกใช้เป็นยาบำรุงตับ (ดอก)[4]
- รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษต่าง ๆ (ราก)[4]
- ดอกใช้เป็นยารักษาแผลผื่นคัน ใช้รักษาฝีประคำร้อย (ดอก)[4]
- ใช้ต้นสด กะปริมาณตามความเหมาะสม ใช้ภายนอกนำมาตำใช้พอกเป็นยาแก้ฝีหนอง (ต้น)[3]
- ตำรับยารักษามะเร็ง ระบุให้ใช้ บานไม่รู้โรยดอกขาวทั้งห้าส่วน จำนวน 4 บาท, ขมิ้นอ้อย 4 บาท, ข้าวเย็นเหนือ 4 บาท, ข้าวเย็นใต้ 4 บาท, ชุมเห็ดเทศทั้งห้า 4 บาท, ทองพันชั่งทั้งห้าส่วน 4 บาท, ยาดำ 5 บาท, และฟ้าทะลายโจร 20 บาท นำมาต้มรับประทานหลังอาหารวันละ 1 ครั้ง (ทั้งห้าส่วน)[11]
- ตำรับยารักษามะเร็งมดลูกและมุตกิดระดูเสียของสตรี ระบุว่าให้ใช้ บานไม่รู้โยดอกขาว บานไม่รู้โรยดอกแดง แก่นฝาง รากมะละกอ รากเข็มแดง เถาอีปล้อง เถามวก หญ้าไซ อย่างละ 3 บาท และสารส้มอีก 2 สลึง นำมาต้มกินเป็นยาก่อนอาหารเช้าและเย็น ครั้งละ 1 ถ้วย หรืออีกตำรับยารักษามะเร็งมดลูก ระบุว่าให้ใช้ บานไม่รู้โรยดอกขาว และบานไม่รู้โรยดอกแดง กระดูกกูรำ ก้องแกลบ ขันทองพยาบาท งวงตาล เถาวัลย์เปรียง รากกล้วยตีบ รากกำจาย รากผักหนาม รากหนอนตายอยาก สารส้ม ดินประสิว อย่างละ 1 บาท และข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ อย่างละ 10 บาท นำมาต้มกินเป็นยาเช้าและเย็น ครั้งละ 1 ถ้วยชา (ดอก)[11]
- ตำรับยากระทุ่งไข้แก้เหือดหัดในเด็ก ระบุว่าให้ใช้ ต้นบานไม่รู้โรยดอกขาว ผลประคำดีควาย เปลือกทองหลางใบมน รากก้างเปลา รากฟักเขียว รากไมยราบ ย่านาง หัวคล้า หัวปรง และหัวว่าวใหญ่ อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกินเป็นยาเช้าเย็น จะช่วยกระทุ้งพิษ ดับพิษห้ามกำเริบ แล้วจึงค่อยกินยาแก้ไข้ต่อไป (ต้น)[12]
- ตำรับยาแก้มดลูกเคลื่อนหรือกะบังลมเคลื่อน ระบุว่าให้ใช้ รากและต้นของบานไม่รู้โรย โคกกระสุน โคกกระออม รากพุมเรียง รากมะดัน รากขนุนละมุด และใบหนาด หนังอย่างละ 4 บาท นำทั้งหมดมาใส่ในหม้อต้ม ต้มกินเป็นยาก่อนอาหารเช้าและเย็น ครั้งละ 1 ถ้วยชา โดยให้รับประทานติดต่อกัน 15 วัน มดลูกหรือกะบังลมจะหดกลับเข้าสู่ที่ตั้งตามธรรมชาติ (รากและต้น)
กุหลาบขาว
ขบวนการกุหลาบสีขาว (เยอรมัน: die Weiße Rose)คือกลุ่มขบวนการที่ไม่ใช้ความรุนแรง, ปัญญา และต่อต้านของกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมิวนิค เยอรมนีที่มีความคิดต่อต้านระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี พวกเขาได้ปฏิบัติการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 1942 ด้วยการแจกใบปลิวและติดสื่อที่มีเนื้อหาการต่อต้านรัฐบาลพรรคนาซีและเรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านและยุติสงครามรวมทั้งการประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีหรือฮอโลคอสต์ แต่ต้องจบลงด้วยการจับกลุ่มแกนนำทั้งหมดโดยพวกเกสตาโปในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1943 กลุ่มแกนนำและสมาชิกคนอื่นๆและผู้สนับสนุนที่มีความเกี่ยวข้องในการแจกใบปลิวได้ถูกนำตัวไปพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมของโฟล์คซดกริชท์ชอฟ ("ศาลประชาชน") หลายคนถูกตัดสินประหารชีวิตและถูกจำคุก ในอีกหลายสิบปีหลังสงคราม เยอรมนีได้ประกาศยกย่องว่า เป็นขบวนการที่มีความกล้าหาญในการเรียกร้องต่อต้านนาซีด้วยหลักอหิงสาคือไม่ใช่ความรุนแรงใดๆเลย
https://www.dek-d.com/board/view/1643073/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น