วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

โลมา

โลมา

โลมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกหนึ่ง อาศัยอยู่ทั้งในทะเลน้ำจืด และน้ำกร่อย มีรูปร่างคล้ายปลา คือ มีครีบ มีหาง แต่โลมามิใช่ปลา เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรก จัดอยู่ในอันดับวาฬและโลมา (Cetacea) ซึ่งประกอบไปด้วย วาฬและโลมา ซึ่งโลมาจะมีขนาดเล็กกว่าวาฬมาก และจัดอยู่ในกลุ่มวาฬมีฟัน (Odontoceti) เท่านั้น
โลมา เป็นสัตว์ที่รับรู้กันเป็นอย่างดีว่าเฉลียวฉลาด มีความเป็นมิตรกับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยชีวิตมนุษย์เมื่อยามเรือแตก จนกลายเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าขานทั่วไป มีอุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูง บางฝูงอาจมีจำนวนมากถึงหลักพันถึงหลายพันตัว ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว รวมถึงสามารถกระโดดหมุนตัวขึ้นเหนือน้ำได้ ชอบว่ายน้ำขนาบข้างหรือว่ายแข่งไปกับเรือ

ศัพทมูลวิทยาและเทพปกรณัม

คำว่า "Dolphin" ซึ่งเป็นชื่อสามัญในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกโลมา มาจากภาษากรีกโบราณคำว่า δελφίς "เดลฟิส" (Delphis) ในเทพปกรณัมกรีกไดอะไนซัส เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลอง และหนึ่งในเทพโอลิมปัส ได้แปลงกายลงมาเป็นมนุษย์ ชื่อ เดลฟิส และได้โดยสารเรือข้ามจากเกาะอิคาเรียไปยังเกาะนาซอส ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไดอะไนซัสนั้นแม้จะเป็นเทพ ทว่าไม่มีญาณหยั่งรู้ว่าเรือลำที่ตนโดยสารไปนั้นเป็นเรือโจร ลูกเรือจะปล้นผู้โดยสารทุกคนถ้วนหน้า เดลฟิสถูกลูกเรือปล้น และคิดจะจับไปขายเป็นทาส ด้วยเหตุนี้ เดลฟิสจำต้องแสดงตนเป็นเทพเจ้า และสาปให้เรือมีเถาองุ่นขึ้นเต็ม มีเสียงขลุ่ยดังขึ้น พวกลูกเรือตกใจและกระโดดน้ำหนีไปหมด และได้กลายร่างเป็นโลมา มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อกลายเป็นโลมา นิสัยของลูกเรือก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสัตว์ที่ใจดี มีเมตตา ทั้งยังเป็นผู้ช่วยของเทพเจ้าแห่งมหาสมุทร คือ โพไซดอน อีกด้วย ด้วยเหตุนี้โลมาจึงได้รับเกียรติจากโพไซดอน บันดาลให้เป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า กลุ่มดาวโลมา (Delphinus)[2]
คำว่า "โลมา" ในภาษาไทย มีรากฐานมาจากคำว่า "ลูมบาลูมบา" (Lumba-lumba) ในภาษามลายู ในภาษาในทวีปเอเชียอื่น ๆ โลมามักมีการเปรียบเทียบกับหมู เช่น ในภาษาจีน โลมามีความหมายตรงตัวว่า "ลูกหมูทะเล" (海豚) และ ในภาษาเวียดนาม โลมามีความหมายตรงตัวว่า "ปลาหมู" (Cá heo)

ลักษณะ

โลมา อาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไปในมหาสมุทรโดยทั่วไป ลักษณะของโลมาที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ มีรูปร่างเพรียวยาวคล้ายตอร์ปิโดหรือกระสวย ส่วนใหญ่มีปลายปากยื่นแหลม แต่ก็มีบางชนิดที่มีส่วนหัวกลมมนคล้ายแตงโมหรือบาตรพระ มีหางแบนในแนวนอน ไม่ใช่แนวตั้งเหมือนปลา เพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำในแนวขึ้น-ลง ไม่มีขนปกคลุมลำตัว ไม่มีเกล็ด รวมทั้งไม่มีเมือกด้วย[3]
นอกจากนี้แล้วยังมีมีอวัยวะต่าง ๆ ทุกส่วนเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป หากแต่ละส่วนของอวัยวะจะปรับเปลี่ยนต่างไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป ดังนี้ จมูกของโลมามีไว้เพื่อหายใจ แต่จมูกนั้นต่างไปจากจมูกของสัตว์อื่น ๆ เพราะตั้งอยู่กลางกระหม่อมเป็นรูกลม เพื่อให้สะดวกต่อการเชิดหัวขึ้นหายใจเหนือน้ำ จากจมูกมีท่อหายใจต่อลงมาถึงปอดในตัว จึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำผ่านเหงือกเข้าไปในปอดเพื่อช่วยหายใจเหมือนปลาหรือสัตว์น้ำอย่างอื่น และจมูกของโลมาตรงส่วนนี้ไม่สามารถใช้ในการรับกลิ่นได้เหมือนกับสัตว์อื่นทั่วไป ซึ่งในบรรดาวาฬมีฟันทุกชนิดต่างก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด[4] หูของโลมานั้นเป็นเพียงแค่รูขนาดเล็กติดอยู่ด้านข้างของหัวเท่านั้น มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถรับคลื่นเสียงใต้น้ำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะโลมาเหมือนวาฬตรงที่เป็นสัตว์ที่ติดต่อสื่อสารกันด้วยคลื่นเสียงที่ปล่อยออกมา โดยเฉพาะกับภาษาที่โลมาสื่อสารกันด้วยเสียงที่มีคลื่นความถี่สูง โลมามีดวงตาไม่เล็กเหมือนอย่างวาฬ แววตาแจ่มใส เหมือนตาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น มีเปลือกตาปิดได้ และในเวลากลางคืนตาก็จะเป็นประกาย คล้ายตาแมว ตาของโลมาไม่มีเมือกหุ้มเหมือนตาปลา และมองเห็นได้ไกลถึง 50 ฟุต เมื่ออยู่ในอากาศ สีผิวของโลมาแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน ส่วนมากจะออกไปในโทนสีเทา ตั้งแต่เข้มเกือบดำ จนกระทั่งถึงเกือบขาว แต่โดยทั่วไปโลมาจะมีสีผิวแบบ 2 สีตัดกัน ด้านบน เป็นสีเทาเข็ม ด้านล่างเป็นสีเกือบขาว เพื่อพรางตัวในทะเล ไม่ให้ศัตรูเห็น เพราะเมื่อมองจากด้านบน สีเข็มจะกลืนกับสีน้ำทะเล และถ้ามองจากด้านล่างขึ้นไป สีขาวก็จะกลืนเข้ากับแสงแดดเหนือผิวน้ำ
โลมาถือเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว มีอัตราความเร็วในการว่ายน้ำประมาณ 55-58 กิโลเมตร/ชั่วโมง[5]

สติปัญญา

โลมานั้นเป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาดมาก เชื่อว่า ความฉลาดของโลมานั้นเทียบเท่าเด็กตัวเล็ก ๆ เลยทีเดียว หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะฉลาดกว่าชิมแปนซี ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดด้วยซ้ำ ที่เป็นเช่นนี้เพราะโลมามีขนาดของสมองเมื่อเทียบกับลำตัวแล้วนับว่าใหญ่มาก แถมภายในสมองยังซับซ้อนอีกด้วย โดยเฉพาะโลมาปากขวดนั้นถึงกับมีขนาดของสมอง เมื่อเทียบกับลำตัวใหญ่แล้ว ถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดสมองใหญ่เป็นที่สองรองจากมนุษย์[6] และสมองส่วนซีรีบรัม อันเป็นส่วนของความจำและการเรียนรู้ ก็มีขนาดใหญ่มาก เป็นศูนย์รวมของประสาทการรับกลิ่น, การมองเห็น และการได้ยิน จนอาจเชื่อได้ว่าแท้จริงแล้ว โลมาอาจมีความฉลาดเทียบเท่ากับมนุษย์ก็เป็นได้ ซึ่งจากความฉลาดแสนรู้ของโลมา จึงทำให้เป็นที่นิยมนำมาฝึกแสดงโชว์ต่าง ๆ ตามสวนสัตว์และสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ [7]
นอกจากนี้แล้ว โลมายังเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมชอบช่วยเหลือมนุษย์ยามเมื่อเรือแตกหรือใกล้จะจมน้ำ ทั้งนี้เพราะโลมาเป็นสัตว์ที่รักสนุกและขี้เล่น ที่โลมาช่วยชีวิตมนุษย์อาจเป็นเพราะต้องการเข้ามาเล่นสนุกเท่านั้น หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่มักจะดุนลูกขึ้นไปหายใจบนผิวน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะถ้าลูกโลมาเสียชีวิตระหว่างคลอด จะพบว่าแม่โลมาจะพยายามดุนศพลูกเอาไว้ให้ใกล้ผิวน้ำมากที่สุด[8] โดยปกติแล้ว เนื้อโลมาไม่ใช่อาหารหลักเหมือนสัตว์เศรษฐกิจทั่วไป แต่ก็มีบางประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นนิยมบริโภคเนื้อโลมาและวาฬ เดิมญี่ปุ่นนั้นล่าวาฬเป็นหลัก แต่ต่อมาได้มีการอนุรักษ์และกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น จึงหันมาล่าโลมาแทน โดยเพิ่มปริมาณการล่าโลมาขึ้นเป็นสี่เท่า ทำให้โลมาในทะเลญี่ปุ่นลดน้อยลงเป็นอันมาก
Image result for ปลาโลมา
https://th.wikipedia.org/

ไม่ต้องอด ก็ผอมได้...กินกล้วยสิ

ไม่ต้องอด ก็ผอมได้...กินกล้วยสิ 

สูตรไดเอตจากชีวิตจริง

          สูตรไดเอตต่าง ๆ มักจะมีที่มาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร หรือแพทย์ แต่จุดเริ่มต้นของ "Banana Breakfast Diet" เกิดจาก "ฮามาจิ" ผู้ชายอ้วน ๆ ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่พยายามทำทุกทางเพื่อความผอม ทั้งออกกำลังกายหนัก ๆ วิ่งวันละหลายชั่วโมง ไปจนอดอาหารดื่มแต่นมถั่วเหลือง แต่กลับไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง แถมยังรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ 

          แต่หลังจากกินกล้วยตามคำแนะนำของ "สึมิโกะ" เภสัชกรที่ศึกษาด้านโภชนบำบัดและเวชศาสตร์การป้องกัน ภายใน 6 เดือน น้ำหนักของเขาก็หายไปถึง 13 กิโลกรัม ทั้งคู่จึงพัฒนาแนวคิดเป็นสูตรไดเอต แนะนำลงบน MIXI ชุมชนออนไน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นกระแสยอดฮิตที่ทำให้สมาชิกลดน้ำหนักได้กว่า 300 คน จนได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ มียอดขายถล่มทลายเกิน 1 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ในชื่อ "ผอม สวย กล้วยช่วยได้"


 กล้วยนี้มีดีอะไร

          กล้วยเป็นผลไม้ที่หากินได้ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่เกี่ยวข้องกับการลดความอ้วนก็คือ

           วิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า

           โพแทสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ

           เส้นใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก

           เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิดและความอยากอาหาร

           เอนไซม์ช่วยย่อยอาหารที่จะช่วยทำให้สารอาหารดูดซึมไปใช้ได้ทันที

           น้ำตาลที่หลากหลาย ทั้งกลูโคส ฟรักโทส ซูโครส และแป้ง ทำให้อิ่มท้องได้นาน ลดความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันได้ด้วย


กินกล้วยลดน้ำหนัก


 วิธีกินก็สำคัญ

          หลักของสูตรไดเอตที่ฮามาจิค้นพบ นอกจากจะอาศัยประโยชน์จากกล้วยช่วยให้ผอมแล้ว การกินให้สัมพันธ์กับระบบการย่อยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สูตรนี้ "ได้ผล" โดยเขาบอกว่าการกินแค่กล้วยซึ่งเป็นผลไม้ย่อยง่ายและน้ำเปล่าในตอนเช้า จะทำให้กระเพาะ ลำไส้ และอวัยวะในระบบย่อยก็จะทำงานได้สะดวกขึ้น 

          เพราะตามหลักการของเวชศาสตร์การป้องกัน หลังกินไปแค่ 15-20 นาที กล้วยจะเคลื่อนที่ไปสู่ลำไส้ และเริ่มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ผัก คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จะใช้เวลาในการย่อยนานกว่า 3-4 ชั่วโมง ส่วน "น้ำ" ก็จะช่วยทำให้การหมุนเวียนของเลือดและของเหลวในร่างกายดีขึ้น เมื่อระบบต่าง ๆ ดีขึ้นคุณก็จะผอมลง แถม "กล้วย" ยังเป็นมื้อเข้าง่าย ๆ เหมาะกับชีวิตเร่งรีบของเราสุด ๆ

 ออกกำลังกายเมื่ออยากออก

          แน่นอนว่าถ้าอยากผอมคงละเลยการออกกำลังไปไม่ได้ แม้สูตรนี้จะไม่ได้บอกให้คุณอดอาหารจนเป็นอันตรายถ้าไปออกกำลังกาย ฮามาจิ บอกว่า เมื่อคุณน้ำหนักเกินมาก ๆ การฝืนออกกำลังแบบหักโหมอาจทำให้บาดเจ็บได้ และการที่ร่างกายรู้สึกทรมานนั้นมีสาเหตุ หากสิ่งที่ทำนั้นดีต่อสุขภาพ คุณก็จะไม่รู้สึกทรมาน ถ้าคุณไม่พร้อม การแกว่งแขนไปมายังมีผลดีต่อการไดเอ็ตมากกว่าการวิ่งจนหอบเสียอีก เมื่อรู้สึกแข็งแรงขึ้น ค่อยออกกำลังให้หนักขึ้นก็ยังไม่สาย


 มาเริ่มกินกล้วยไดเอตกันเถอะ !

          คอนเซ็ปต์ของ "Banana Breakfast Diet" ก็คือไม่ต้องอด ไม่ต้องทน ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลา วิธีเพื่อความผอมก็เลยไม่ยุ่งยาก

           ตื่นนอน : ถ้าตื่นเองโดยธรรมชาติไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาปลุกจะยิ่งดีต่อระบบขับถ่าย

           มื้อเช้า : กินกล้วยอะไรก็ได้ กี่ลูกก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดและดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง

           ช่วงเช้า : ถ้ารู้สึกไม่อยู่ท้องให้เว้นช่วยหลังกินกล้วยสัก 15-30 นาที กินข้าวต้มสักชามหรือผลไม้ก็ได้

           มื้อกลางวัน : กินอะไรก็ได้ ไม่มีข้อกำหนดตายตัว

           หลังเที่ยง : หรือหลังมื้ออาหารกลางวันประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้การย่อยดำเนินไปได้ด้วยดี อย่าเพิ่งออกกำลังกาย

           15.00 น. : หากอยากกินของว่าง อนุญาตแค่เวลานี้เท่านั้น จะเป็นขนมหรือผลไม้ก็ได้

           มื้อเย็น : กินอะไรก็ได้ แต่ควรกินให้เร็วกว่าปกติสักครึ่งชั่วโมง และดึกที่สุดไม่เกินสองทุ่ม

           หลังมื้อเย็น : ถ้าต้องอยู่ทำงานจนดึกกินได้แค่ผลไม้สักลูกหนึ่งเท่านั้น

           เข้านอน : พยายามฝึกนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ที่สุด

http://health.kapook.com/view87723.html

นีโม...ปลาเล็ก หัวใจโต๊...โต

นีโม...ปลาเล็ก หัวใจโต๊...โต

เรื่องย่อ


การใช้ชีวิตอยู่ในแนวโขดหินประการังใต้ทะเลลึกนั้น ช่างเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยอันตรายสำหรับเหล่าปลาการ์ตูนตัวน้อยๆ จึงไม่แปลกที่ มาร์ลิน ปลาการ์ตูนพ่อม่าย จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ในการปกป้อง นีโม ลูกชายตัวเดียวของเขาให้ได้ แม้ใจเขาจะมีทั้งความกลัวและความกังวลประดังถาโถมเข้ามา และแล้ว เวลาที่นีโมจะต้องออกจากบ้านอันแสนปลอดภัยของเขาก็มาถึง ในวันแรกของการไปโรงเรียน มาร์ลินเป็นห่วงมากจึงไปส่งลูกชายเอง ด้วยนิสัยที่วิตกกังวลเกินเหตุไปกับทุกการเคลื่อนไหวของลูก จนนีโมรู้สึกว่าพ่อเริ่มเว่อร์ไปหน่อย เจ้าหนูจึงท้าทายพ่อด้วยการทำซนว่ายผ่านแนวหินเพื่อเข้าไปสำรวจเรือลำหนึ่ง แต่แล้วเรื่องคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อนักดำน้ำโผล่เข้ามารวบร่างของนีโมหายไปต่อหน้าต่อตามาร์ลิน ซึ่งไม่อาจช่วยอะไรได้ทัน! หัวใจที่หล่นวูบทำให้มาร์ลินว่ายพรวดออกตามหาลูกชายอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อผ่านไปถึงหน้าโรงเรียนปลา เขาก็กระโจนเข้าขอความช่วยเหลือจาก โดรี่ ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า ซึ่งยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่
แต่ปัญหาคือโดรี่ดันมีความจำแสนสั้นและพร้อมจะลืมทุกอย่างในเสี้ยววินาที คู่หูไม่ธรรมดาคู่นี้จึงออกผจญภัยในภารกิจที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะสำเร็จได้เลย ในเวลาเดียวกัน ที่ออฟฟิศหมอฟัน ณ อ่าวซิดนี่ย์ ฮาร์เบอร์ นีโมได้พบเพื่อนใหม่แปลกๆ มากมายในตู้ปลา นำทีมโดย กิลล์ หัวหน้าสุดซ่า ซึ่งมาจากมหาสมุทรเช่นกันและยังคงฝันถึงวันที่จะได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อนร่วมแทงค์อื่นๆ ประกอบด้วย ปลาดาวชื่อ พีช, ปลาปักเป้าเจ้าอารมณ์นาม โบล๊ทบั๊บเบิ้ลส์ ปลาขี้ตังบ้าฟองอากาศ, เกอร์เกิ้ล ปลาโรยัลแกรมม่าอนามัยจัด, ชักส์ กุ้งพยาบาลผู้แสนรักความสะอาด และ เด็บ ปลาสลิดหินลายแถบขาวดำ ซึ่งเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเงาสะท้อนในผนังกระจกของตู้ปลานั้นคือ โฟล พี่น้องฝาแฝดของหล่อน การมาถึงของสมาชิกใหม่อย่างนีโม ได้ปลุกกระตุ้นความอยากหนีของกิลล์ให้ลุกโชนขึ้นอีกหนหนึ่ง
กลับไปที่มาร์ลินกับโดรี่ ทั้งคู่เดินทางไปจนกระทั่งเผชิญหน้ากับปัญหาที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นสามฉลามหนุ่ม ผู้ฝึกปรือพัฒนาภาพลักษณ์ตัวเองให้หลุดพ้นจากการเป็นแค่เครื่องจักรล่าสังหารไร้หัวใจ!, ปลาสินสมุทรที่สวยตื่นตาแต่อันตรายสุดขีด และดงแมงกะพรุน นอกจากนั้น สองเกลอยังได้เจอฉลามสีน้ำเงิน ได้ท่องย่าน East Australian Current (EAC) ร่วมกับฝูงเต่าทะเล และหนีการโจมตีของนกนางนวลอย่างเฉียดฉิวระหว่างกำลังผจญภัยอยู่ในแถบอ่าวซิดนี่ย์ฮาร์เบอร์ การเดินทางของพวกเขาเริ่มแปรร่างกลายเป็นตำนานแห่งการเล่าขานในหมู่ปลาและฝูงนก และตำนานว่าด้วยปลาการ์ตูนผู้กล้าหาญที่ท่องทั่วมหาสมุทร เพื่อจะตามลูกชายสุดที่รักนี้ก็ดังกระฉ่อนไปจนถึงหูของนีโมในแทงค์บนอ่าวในที่สุด นีโมทั้งแปลกใจและตื่นเต้นจับใจยากบรรยายเมื่อได้รู้ว่าพ่อกำลังเสี่ยงอันตรายตามหาเขาอยู่ ด้วยแรงกระตุ้นจากกิลล์และความปรารถนาของเขาเองที่จะได้กลับสู่อ้อมอกพ่อ ทำให้นีโมตัดสินใจวางแผนหลบหนีที่สุดเสี่ยง แต่เวลามีเหลือน้อยเต็มทน เพราะ ดาร์ล่า หลานสาวจอมซนของหมอฟัน เจ้าของประวัติเคยเขย่าตู้ปลาจนท้องระเบิด กำลังจะมารับตัวนีโมไปวันรุ่งขึ้น
มาร์ลินกับโดรี่เดินทางมาจนถึงซิดนี่ย์ฮาร์เบอร์และได้รับความช่วยเหลือจาก ไนเจิล นกกระทุงใจดีซึ่งก็เคยได้รับรู้เรื่องราวการเดินทางของปลาการ์ตูนใจกล้าตัวนี้มาแล้ว ด้วยเวลาที่งวดเข้ามาเต็มทนและอุปสรรคอีกมากที่รออยู่ สองพ่อลูกต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อจะได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง

การเปิดตัว

ภาพยนตร์ได้รับการเปิดตัวครั้งแรก ณ วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ส่วนในระบบวีเอชเอสและดีวีดีได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2003 และเปิดตัวในรูปแบบบลูเรย์ดิสก์ที่บางแห่งในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 หลังจากความสำเร็จในการเปิดตัว เดอะ ไลอ้อน คิง อีกครั้งในรูปแบบ 3 มิติ ดิสนีย์และพิกซาร์ จึงได้ประกาศการเปิดตัว นีโม...ปลาเล็กหัวใจโต๊...โต อีกครั้งในรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งมีแผนเปิดตัวในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2012

https://th.wikipedia.org

ต้นไม้ในวรรณคดี

ต้นไม้ในวรรณคดี


http://www.wangtakrai.com/

ขนมรังผึ้ง



ขนมรังผึ้ง

ส่วนผสมและสัดส่วน
1.แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
2.แป้งอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู ½ ช้อนชา
4.ยีสต์ ½ ช้อนชา
5.น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ (ชอบหวานแค่ไหน ก็ลดเพิ่ม ปริมาณเอานะค่ะ)
6.ไข่ไก่ 2 ฟอง
7.น้ำเปล่า 10 - 12 ช้อนโต๊ะ
8.เครื่องต่างๆ ที่จะใส่ เช่น ลูกเกด, ข้าวโพด , เผือก 


วิธีปรุง
1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู ยีสต์ และน้ำตาลทรายใส่ในชาม
2.ค่อยๆ ใส่น้ำลงไป ผสมให้เข้ากัน
3.ตอกไข่ใส่อีกชามแล้วตีให้แตก จากนั้นค่อยเทผสมใส่ในชามของแป้ง
4.พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
5.เตรียมพิมพ์วาฟเฟิ้ล โดยทาน้ำมันพืชบางๆ จากนั้นค่อยๆตักแป้ง หยอดลงไป ใส่เครื่องตามที่ต้องการ แล้วปิดฝา รอจนสุกจะได้กลิ่นหอมของขนมรังผึ้งค่ะ
https://th.openrice.com

ดอกเบญจมาศ

ดอกเบญจมาศ

ดอกเบญจมาศ
ภาษาอังกฤษเรียกว่า คริสแซนติมั่ม หรือ คริสแซนติมุ่มก็ได้ Chrysanthemum
ดอก เบญจมาศเหมือนดอกเก๊กฮวยค่ะอยู่ในเพียงแต่ดอกเล็กกว่าโดยทั่วไปแ่ต่ไม่มี ใครเรียกชื่อเต็มๆหรอกค่ะเพราะเรียกยาก ภาษาก็มาจากภาษากรีกที่แปลว่า ทอง Chrysosกับคำว่า แอนโธส Anthos
ที่แปลว่า ดอกไม้ ค่ะเรียกกันยากนักเลยเรียกกันอย่างย่นย่อว่ามัมส์ “moms”
ยังมีอีกชื่อค่ะที่ชอบเรียกกันทั่วไปว่า “แทนซี่ ”

ดอกเบญจมาศถือว่าเป็น ดอกไม้มงคลของจีน
มีอยู่ 4 ชนิดคือดอกเบญจมาศ ดอกท้อ ต้นไผ่ และดอกกล้วยไม้
ความหมายของต้นไม้มงคลที่เกิดจาก นักกวี หรือนักปราชญ์จีน
ได้เขียนกวี หรือบทประพันธ์เปรียบเทียบไว้ ซึ่งเมื่อบทกวีได้รับความนิยม
ต้นไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมใน ความหมายตามบทกวีนั้นๆ ด้วย

“ดอกเบญจมาศ” (ดอกฉุยฮัว) นักกวีชาวจีนชื่อ เผาหยวนหมิง
บทกวีเอกของจีน ได้เขียนกวีบทหนึ่ง โดยเปรียบเทียบดอกเบญจมาศว่าเป็นนักปราชญ์
ผู้มีจริยวรรตงดงาม ซึ่งบทกวีนี้ได้รับความยกย่องว่าเป็นบทกวีที่ไพเราะงดงามมาก

“ต้นหลานฮวา” หรือคนไทยรู้จักกันในนามว่ากล้วยไม้ดิน
กวีเอก เผาหยวนหมิง เขียนกวีไว้อีกบทว่า ต้นหลานฮัวเหมือนกับวิญญูชน
ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความดีที่บริสุทธิ์ ไม่โกงกิน ไม่ทำร้ายใคร
จึงนิยมมอบให้กับคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต

ดอกเบญจมาศเป็นไม้ล้มลุกดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้ตระกูลดอกเดซี่ค่ะ
ดอกใหญ่ดอกเดียวเด่นมีก้านแข็งแรงบานทนเกือบสิบวัน มีกว่า 100 สายพันธ์
ปลูกครั้งแรกที่จีน ญี่ปุ่น เมื่อ 3,000 กว่าปีมาแล้ว
เป็นดอกที่ชอบแสงแดดจัด ดินที่มีการระบายนํ้าค่อนข้างดี
บางสายพันธ์ุมีกลิ่นแรง จะมีกลิ่นฉุนมากกว่าหอม

ดอกเบญจมมาศเป็นดอกไม้ที่นิยมให้แก่คนอันเป็นที่รัก
ดอกเบญจมามาศมีหลายสีค่ะและมีความ หมายต่างกันเช่น
สีแดงสำหรับความรักและความมีโชคดี ความปรารถนาดี
สีขาวหมายถึง สัจจะ จีนหมายถึงชนชั้นสูง
ดอกเบญจมาศ เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพจีนยุคเก่าก่อนการปฎิวัติ และเป็นดอกไม้ของชนชั้นสูง
ย่อมเป็นของต้องห้ามสำหรับประชาชนธรรมดาๆ ทั่วไปที่จะปลูกดอกไม้ชนิดนี้ไว้เชยชม
สีเหลืองหมายถึงความรักที่ยั่งยืน
ภาพยนต์เรื่องหนึ่งของจีนก็ได้ใช้ดอกเบญมาศเป็นสัญลักษณ์
คือเรื่อง Curse of Golden Flower คำสาบของดอกไม้สีทอง คือดอกเบญจมาศสีเหลืองนี่เอง

บางประเทศในยุโรบจะถือว่าดอกเบญจมาศสีขาว หมายถึงความตายค่ะ
อันที่จริงดอกสีขาวหมายถึงสัจจะ หรือว่าความตายคือความจริงก็ถูกเหมือนกันนะคะ
ปัจจุบันมักจะหมายถึง ความสุขการมองโลกในแง่ดี ความเบิกบานแจ่มใส
รูปภาพ

ในญี่ปุ่นหมายถึงพระอาทิตย์ นำดอกเบญมาศมาจากจีนเมื่อปีคศ. 1400 ราชวงศ์ญี่ปุ่นชอบมาก
จึงนำเอามาเป็นตราลัญจกรของราชวงศ์สัญลักษณ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น หมายถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ดอกเบญจมาศมีความหมายมากค่ะ
สำหรับทางเอเซียเช่นจีนและญี่ปุ่นตามที่่ Dogstar ที่ญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของราชบัลลังก์
เป็นตราประทับของราชวงศ์เป็นชื่อเครื่องราช อิสริยาภรณ์ชั้นสูงของราชวงศ์
ที่มอบให้แก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ของประเทศ พระจักรพรรดิเป็นผู้มอบให้เท่านั้น
เป็นชื่อของเรือรบ ชื่อ คิกุกามอนโช (Kikugamonsho Battleship) ที่เกาหลี ญี่ปุ่น

https://5a23960.wordpress.com